ตอนนี้จะเป็นเรื่องราวของน้องต้นเองทั้งหมดเลยนะครับหลังจากที่พลัดจากคุณพ่อมา
นานหลายปีจนโตเป็นหนุ่มเลยละ ส่วนคุณพ่อนั้นก็ไม่ต้องห่วงนะครับ อีกหลายปีก็เจอน้องต้นเองหละ
เรื่องราวช่วงนี้อาจจะแปลกๆ สำหรับชาว Y ไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้
เพราะจะมีตัวละครใหม่ๆเพิ่มเข้ามามากมาย ใครจะสมหวังใครจะเสียใจในความรัก
ก็ขอให้ติดตามกันต่อไป แม้นให้เป็นแรงใจคนแต่งบ้างนะครับ
ปล. อาจมีคำตกเยอะแยะ ก็ขอให้เห็นใจคนแต่งบ้าง เพราะไม่เก่งภาษาไทยเท่าที่ควร เอาเป็นว่า อ่านออกเขียนได้นิดหน่อยก็บุญมากโขแล้วครับ ภาษาไทยเป็นภาษาที่ยากมากมายสำหรับคนแต่ง
“พ่อๆ ดูสิเนี้ยใครละเนี้ย” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นทำให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะกระโดดลงจากรถและวิ่งไป 4 อั้นมาตั้งนานเกือบตาย “อ่า....” เสียงของผมครางออกมา ก่อนจะเห็นว่า ผมอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า ที่ยืนรายล้อมผมเอาไว้ ทำให้ผมต้องยิ้มแหะๆ ก่อนจะทำหน้าจ๋อย เพราะเสียงเล็กๆที่ดังมาให้ผมหน้าเสีย
“พ่อครับ ขนมของผมโดนขโมยกินหมดแล้ว น้ำโค๊กด้วย”
ร่างเล็กๆที่ยื้นน้ำตาซึมเหมือนจะร้องให้ ถือถุงขนมเปล่าๆมากมาออกมายืนข้างหน้า ทำเอาผมหน้าเสียไปเลย
“ขอโทษ พอดีน้องต้นหิวข้าวเลยกินหมดเลย” ผมบอกกับเด็กคนนั้น และทำหน้าสำนึกผิด
“ช่างเถอะ ตะวัน ไว้มีโอกาสพ่อจะพาไปชื้ออีก”เสียงที่ฟังดูนุ่มนวลและอบอุ่นเอ่ยขึ้นก่อนเด็กชายตัวเล็กจะน้ำตาล่วง “อีกกี่ปีละถึงจะได้ไป ผมอุตสาห์ชื้อมาตั้งเยอะจะเอาไปฝากพี่ บัวลอย” ผู้ชายคนนั้นเอามือลูบหัวเด็กชายตัวเล็ก อืม คงประมาณเท่าๆผมนี้แหละมัง ก่อนชาวบ้านจะขนของลงจารถ ทุกคนช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง
“ไปไงมาไงละหนู ถึงมากับรถขนของได้” มีผู้เฒ่าคนหนึ่งมาถามน้องน้องต้นก็เล่าให้ฟัง ว่าทำมัย ถึงติดมากับรถขนของได้
“เอ่อ โชคดีแล้วที่ไม่โดนจับตัวไป เอาเถอะมาอยู่ด้วยกันที่หมู่บ้านนี้แหละ รับรองปลอดภัย” พ่อเฒ่าคนนั้นบอกกับน้องต้น น้องต้นก็ตอบตกลงไปเบาๆว่า “ครับ”
แล้วรถขนของก็วิ่งจากไปปล่อยให้น้องต้นอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า
“ไอ้แสง มึงพาเด็กมามึงก็พามันไปเลี้ยงละกัน ลูกมึงก็มีสองคนเอาไปอีกหนึ่งเป็นสามเลยไป” เสียงผู้เฒ่าคนนั้นบอกกับพ่อของตะวัน
“อ่าวพ่อใหญ่ ทำมัยไม่ให้มันไปกลับรถขนของละ” เสียงของพ่อตะวันเอ่ยบอกพ่อเฒ่า
“เอ่อวะข้าก็ลืม เองก็เอามันไปเลียงเถอะถือว่าทำบุญสงสารเด็กตาดำๆ หรือเองจะไปส่งมันในเมืองวะ” พ่อผู้ใหญ่พูด
“เอ่อ ไปนะไปได้แต่ขากลับนี้สิจะให้ผมกลับยังไงเดียวน้ำหลากมาก็กลับเข้าหมู่บ้านไม่ได้ แล้วนาข้าวนาปลาใครจะหาเลียงลูกเลียงเมียฉันละผู้ใหญ่ กว่าจะพาเดินไปถึงในเมือง กลัวเด็กมันตายกลางทางก่อนนะสิ”
“เอ่อข้าก็ว่างั้นแหละมันดูอ่อนแอ้นเหมือนเด็กผู้หญิงเลย ไปๆ ของพวกนี้นะพรุ่งนี้ก็ให้ชาวบ้านมาแบ่งเอาวันนี้กลับกันไปก่อนค่ำมืดแล้วไปกินขาวกินปลากัน” เสียงพ่อเฒ่าพูดจบทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปที่บ้านใครบ้านมัน
“ปะลูกต้นไปบ้านพ่อกัน ตะวันพาน้องกลับบ้าน” พ่อของตะวันพูด และพาผมกับตะวันเดินกลับบ้าน ที่นี้ตอนกลางคืนไม่มีไฟฟ้าใช้งานเลย บ้านแต่ละหลังจุดตะเกียง จุดใต้กันหมด
“พ่อแสง ที่นี้ที่ไหนน้องต้นอยากกลับบ้าน” น้องต้นบอกกลับพ่อแสงไป ที่นี้มันน่ากลัวมากๆเลยมืดไปหมด
“อืม คงกลับยากละนะ ที่นี้อะ หมู่บ้านดงมะตูม แขวง สะหวันนะเขต ประเทศลาว” พ่อแสงบอกน้องต้น
“แล้วไกลจากบ้านน้องต้นเยอะมัย น้องต้นจำได้ขึ้นรถที่ปั้มน้ำมันอะไรสักที่” ผมบอกพ่อแสงพลางเดินจับมือพ่อไป “เอ่อสุดๆ ไม่รู้จะไปยังไง พ่อกับตะวันไปที่กรุงเทพมาไปชื้อของมาเยอะแยะขนกลับมาที่นี้ พอดีมีคนรู้จักเขาพาไปแล้วก็ชื้อของมาให้พ่อแม่พี่น้องชาวเอ้าเอาไว้ใช้ ไม่รู้ว่าจะได้กลับไปกรุงเทพอีกทีตอนไหน ไปแค่รอบนี้รอบเดียวก็ขนเงินไปหมดหมู่บ้านแล้ว” พ่อแสงพูดแล้วก็หัวเราะ น้องต้นเลยล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเอาเงินมให้พ่อแสง “น้องต้นมีเงินนะ นี้ไง กลับบ้านได้มัย” น้องต้นบอกพ่อแสง พ่อแสงรับเงินไปดูก่อนจะถอนหายใจ แล้วบอกน้องต้นว่า “เงินมากมายขนาดนี้ แต่ไม่มีประโยชน์ในหมู่บ้านที่ห่างไกลแบบนี้หรอกลูก เก็บเอาไว้นะ สักวันหนูอาจต้องใช้มันเดินทางกลับบ้าน น้องต้นเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามพ่อแสงไปเงียบๆไม่ได้พูดอะไรอีก
“ปะขึ้นบ้านไปกินข้าวกินปลากัน จะได้เข้านอน”พ่อแสงบอกน้องต้นกับตะวัน ยังไม่ทันจะได้ขึ้นบ้านเลย ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งลงมาจากบ้าน ที่น้องต้นมองยังไงมันก็เป็นกระท่อมที่เคยเห็นในหนังสือเรียนอยู่ดี ไม่ใช่บ้านสักหน่อย “พ่อ ตะวันกลับมาแล้ว แม่ๆพ่อกลับมาแล้ว ไหนๆขนมของฝากพี่ตะวัน” เด็กผู้ชายคนนั้นเอ่ยกับตะวันเด็กชายตัวเล็ก ที่พ่อแสงบอกว่าเป็นพี่น้องต้น
“อยู่ในท้องมันหมดแล้ว” ตะวันพูดแล้วชี้มาที่ผม
“เอ้ยกินหมดเลยหรอไม่เก็บไว้ให้กินมังละ แล้วนี้มึงเป็นใครอะมากับพ่อกับน้องกูได้ไง”
ผมได้แต่เงียบไม่รู้จะตอบยังไง พ่อแสงมาจับมือผมและบอกทุกคนขึ้นบ้านแล้วเล่าเรื่องของผมให้ทุกคนฟัง
“ดีจังแม่อยากได้ลูกชายน่ารักๆแบบนี้ตั้งนานแล้ว ชื่อน้องต้นหรอลูก” ผู้หญิงที่ท่าทางใจดีเอ่ยกับน้องต้น น้องต้นก็พยักหน้าตอบ แต่กับอีกสองคนนี้สิ จ้องผมแขม็งเลย
“แล้วน้องจะอยู่ได้หรอพ่อ ท่าทางเป็นลูกคนรวยนะดูชุดที่ใส่สิ ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้ใส่แบบนี้เลยอะ”
พี่บัวลอยบอก กับทุกคนพลางลูบคำๆชุดนักเรียนของน้องต้นเหมือนอยากได้
คืนนั้นพี่บัวลอยพาน้องต้นไปอาบน้ำที่หนองน้ำ ไม่มีห้องน้ำเลย แก้ผ้าอาบอีก ผ้าเช็ดตัวมีเพียงผ้าขาวม้าตัวเดียวที่ขาดๆ แต่น้องต้นก็อาบน้ำเสร็จไม่มีสบู่ด้วย อาบน้ำเปล่าๆ
“ปะๆ มาอาบคนเดียวก็ไม่ได้ ลำบากกูอีก” พี่บัวลอยบอกกับน้องต้น และพาเดินกลับบ้าน
“ใส่ชุดนี้ไม่เหมาะกับมึงเลยวะต้น ตัวมึงขาวๆใส่เสื้อดำๆของกูมันดูตัดกันแปลกๆวะ”
พี่บัวลอยบอกกับน้องต้น แต่คุณพ่อแสงบอกว่า “ไม่นานเกินรอก็ตัวดำเหมือนตะวันกับบัวลอยเองละ ปะนอนได้แล้ว” พ่อแสงบอก พวกเรา 5 คนนอนเบียดในในกระท่อมหลังเล็กๆ แต่ทุกคนเรียกมันว่าบ้าน
“พ่อเล่านิทานหน่อยตะวันอยากฟัง” ตะวันบอกพ่อแสง “บัวก็อยากฟังพ่อ น้องต้นมันก็คงอยากฟัง เอ่ยต้นมึงเคยฟังนิทานก่อนนอนปะพ่อกูเล่าเก่งนะมึงอยากฟังมัย” พี่บัวลอยถามผม ผมก็พยักหน้าให้ ก่อนที่พ่อแสงจะเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง เรื่องอะไรน้องต้นก็ไม่รู้ คืนนั้นน้องต้นนอนหลับไปด้วยความเพลีย แต่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกเหมือนบางสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของน้องต้นกำลังได้รับการเติมเต็มจากที่นี้ ที่ๆน้องต้นนอนหลับได้สนิทใจเป็นครั้งแรกในชีวิตของน้องต้นเลย
ปล. อาจมีคำตกเยอะแยะ ก็ขอให้เห็นใจคนแต่งบ้าง เพราะไม่เก่งภาษาไทยเท่าที่ควร เอาเป็นว่า อ่านออกเขียนได้นิดหน่อยก็บุญมากโขแล้วครับ ภาษาไทยเป็นภาษาที่ยากมากมายสำหรับคนแต่ง
“พ่อๆ ดูสิเนี้ยใครละเนี้ย” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นทำให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะกระโดดลงจากรถและวิ่งไป 4 อั้นมาตั้งนานเกือบตาย “อ่า....” เสียงของผมครางออกมา ก่อนจะเห็นว่า ผมอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า ที่ยืนรายล้อมผมเอาไว้ ทำให้ผมต้องยิ้มแหะๆ ก่อนจะทำหน้าจ๋อย เพราะเสียงเล็กๆที่ดังมาให้ผมหน้าเสีย
“พ่อครับ ขนมของผมโดนขโมยกินหมดแล้ว น้ำโค๊กด้วย”
ร่างเล็กๆที่ยื้นน้ำตาซึมเหมือนจะร้องให้ ถือถุงขนมเปล่าๆมากมาออกมายืนข้างหน้า ทำเอาผมหน้าเสียไปเลย
“ขอโทษ พอดีน้องต้นหิวข้าวเลยกินหมดเลย” ผมบอกกับเด็กคนนั้น และทำหน้าสำนึกผิด
“ช่างเถอะ ตะวัน ไว้มีโอกาสพ่อจะพาไปชื้ออีก”เสียงที่ฟังดูนุ่มนวลและอบอุ่นเอ่ยขึ้นก่อนเด็กชายตัวเล็กจะน้ำตาล่วง “อีกกี่ปีละถึงจะได้ไป ผมอุตสาห์ชื้อมาตั้งเยอะจะเอาไปฝากพี่ บัวลอย” ผู้ชายคนนั้นเอามือลูบหัวเด็กชายตัวเล็ก อืม คงประมาณเท่าๆผมนี้แหละมัง ก่อนชาวบ้านจะขนของลงจารถ ทุกคนช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง
“ไปไงมาไงละหนู ถึงมากับรถขนของได้” มีผู้เฒ่าคนหนึ่งมาถามน้องน้องต้นก็เล่าให้ฟัง ว่าทำมัย ถึงติดมากับรถขนของได้
“เอ่อ โชคดีแล้วที่ไม่โดนจับตัวไป เอาเถอะมาอยู่ด้วยกันที่หมู่บ้านนี้แหละ รับรองปลอดภัย” พ่อเฒ่าคนนั้นบอกกับน้องต้น น้องต้นก็ตอบตกลงไปเบาๆว่า “ครับ”
แล้วรถขนของก็วิ่งจากไปปล่อยให้น้องต้นอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า
“ไอ้แสง มึงพาเด็กมามึงก็พามันไปเลี้ยงละกัน ลูกมึงก็มีสองคนเอาไปอีกหนึ่งเป็นสามเลยไป” เสียงผู้เฒ่าคนนั้นบอกกับพ่อของตะวัน
“อ่าวพ่อใหญ่ ทำมัยไม่ให้มันไปกลับรถขนของละ” เสียงของพ่อตะวันเอ่ยบอกพ่อเฒ่า
“เอ่อวะข้าก็ลืม เองก็เอามันไปเลียงเถอะถือว่าทำบุญสงสารเด็กตาดำๆ หรือเองจะไปส่งมันในเมืองวะ” พ่อผู้ใหญ่พูด
“เอ่อ ไปนะไปได้แต่ขากลับนี้สิจะให้ผมกลับยังไงเดียวน้ำหลากมาก็กลับเข้าหมู่บ้านไม่ได้ แล้วนาข้าวนาปลาใครจะหาเลียงลูกเลียงเมียฉันละผู้ใหญ่ กว่าจะพาเดินไปถึงในเมือง กลัวเด็กมันตายกลางทางก่อนนะสิ”
“เอ่อข้าก็ว่างั้นแหละมันดูอ่อนแอ้นเหมือนเด็กผู้หญิงเลย ไปๆ ของพวกนี้นะพรุ่งนี้ก็ให้ชาวบ้านมาแบ่งเอาวันนี้กลับกันไปก่อนค่ำมืดแล้วไปกินขาวกินปลากัน” เสียงพ่อเฒ่าพูดจบทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปที่บ้านใครบ้านมัน
“ปะลูกต้นไปบ้านพ่อกัน ตะวันพาน้องกลับบ้าน” พ่อของตะวันพูด และพาผมกับตะวันเดินกลับบ้าน ที่นี้ตอนกลางคืนไม่มีไฟฟ้าใช้งานเลย บ้านแต่ละหลังจุดตะเกียง จุดใต้กันหมด
“พ่อแสง ที่นี้ที่ไหนน้องต้นอยากกลับบ้าน” น้องต้นบอกกลับพ่อแสงไป ที่นี้มันน่ากลัวมากๆเลยมืดไปหมด
“อืม คงกลับยากละนะ ที่นี้อะ หมู่บ้านดงมะตูม แขวง สะหวันนะเขต ประเทศลาว” พ่อแสงบอกน้องต้น
“แล้วไกลจากบ้านน้องต้นเยอะมัย น้องต้นจำได้ขึ้นรถที่ปั้มน้ำมันอะไรสักที่” ผมบอกพ่อแสงพลางเดินจับมือพ่อไป “เอ่อสุดๆ ไม่รู้จะไปยังไง พ่อกับตะวันไปที่กรุงเทพมาไปชื้อของมาเยอะแยะขนกลับมาที่นี้ พอดีมีคนรู้จักเขาพาไปแล้วก็ชื้อของมาให้พ่อแม่พี่น้องชาวเอ้าเอาไว้ใช้ ไม่รู้ว่าจะได้กลับไปกรุงเทพอีกทีตอนไหน ไปแค่รอบนี้รอบเดียวก็ขนเงินไปหมดหมู่บ้านแล้ว” พ่อแสงพูดแล้วก็หัวเราะ น้องต้นเลยล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเอาเงินมให้พ่อแสง “น้องต้นมีเงินนะ นี้ไง กลับบ้านได้มัย” น้องต้นบอกพ่อแสง พ่อแสงรับเงินไปดูก่อนจะถอนหายใจ แล้วบอกน้องต้นว่า “เงินมากมายขนาดนี้ แต่ไม่มีประโยชน์ในหมู่บ้านที่ห่างไกลแบบนี้หรอกลูก เก็บเอาไว้นะ สักวันหนูอาจต้องใช้มันเดินทางกลับบ้าน น้องต้นเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามพ่อแสงไปเงียบๆไม่ได้พูดอะไรอีก
“ปะขึ้นบ้านไปกินข้าวกินปลากัน จะได้เข้านอน”พ่อแสงบอกน้องต้นกับตะวัน ยังไม่ทันจะได้ขึ้นบ้านเลย ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งลงมาจากบ้าน ที่น้องต้นมองยังไงมันก็เป็นกระท่อมที่เคยเห็นในหนังสือเรียนอยู่ดี ไม่ใช่บ้านสักหน่อย “พ่อ ตะวันกลับมาแล้ว แม่ๆพ่อกลับมาแล้ว ไหนๆขนมของฝากพี่ตะวัน” เด็กผู้ชายคนนั้นเอ่ยกับตะวันเด็กชายตัวเล็ก ที่พ่อแสงบอกว่าเป็นพี่น้องต้น
“อยู่ในท้องมันหมดแล้ว” ตะวันพูดแล้วชี้มาที่ผม
“เอ้ยกินหมดเลยหรอไม่เก็บไว้ให้กินมังละ แล้วนี้มึงเป็นใครอะมากับพ่อกับน้องกูได้ไง”
ผมได้แต่เงียบไม่รู้จะตอบยังไง พ่อแสงมาจับมือผมและบอกทุกคนขึ้นบ้านแล้วเล่าเรื่องของผมให้ทุกคนฟัง
“ดีจังแม่อยากได้ลูกชายน่ารักๆแบบนี้ตั้งนานแล้ว ชื่อน้องต้นหรอลูก” ผู้หญิงที่ท่าทางใจดีเอ่ยกับน้องต้น น้องต้นก็พยักหน้าตอบ แต่กับอีกสองคนนี้สิ จ้องผมแขม็งเลย
“แล้วน้องจะอยู่ได้หรอพ่อ ท่าทางเป็นลูกคนรวยนะดูชุดที่ใส่สิ ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้ใส่แบบนี้เลยอะ”
พี่บัวลอยบอก กับทุกคนพลางลูบคำๆชุดนักเรียนของน้องต้นเหมือนอยากได้
คืนนั้นพี่บัวลอยพาน้องต้นไปอาบน้ำที่หนองน้ำ ไม่มีห้องน้ำเลย แก้ผ้าอาบอีก ผ้าเช็ดตัวมีเพียงผ้าขาวม้าตัวเดียวที่ขาดๆ แต่น้องต้นก็อาบน้ำเสร็จไม่มีสบู่ด้วย อาบน้ำเปล่าๆ
“ปะๆ มาอาบคนเดียวก็ไม่ได้ ลำบากกูอีก” พี่บัวลอยบอกกับน้องต้น และพาเดินกลับบ้าน
“ใส่ชุดนี้ไม่เหมาะกับมึงเลยวะต้น ตัวมึงขาวๆใส่เสื้อดำๆของกูมันดูตัดกันแปลกๆวะ”
พี่บัวลอยบอกกับน้องต้น แต่คุณพ่อแสงบอกว่า “ไม่นานเกินรอก็ตัวดำเหมือนตะวันกับบัวลอยเองละ ปะนอนได้แล้ว” พ่อแสงบอก พวกเรา 5 คนนอนเบียดในในกระท่อมหลังเล็กๆ แต่ทุกคนเรียกมันว่าบ้าน
“พ่อเล่านิทานหน่อยตะวันอยากฟัง” ตะวันบอกพ่อแสง “บัวก็อยากฟังพ่อ น้องต้นมันก็คงอยากฟัง เอ่ยต้นมึงเคยฟังนิทานก่อนนอนปะพ่อกูเล่าเก่งนะมึงอยากฟังมัย” พี่บัวลอยถามผม ผมก็พยักหน้าให้ ก่อนที่พ่อแสงจะเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง เรื่องอะไรน้องต้นก็ไม่รู้ คืนนั้นน้องต้นนอนหลับไปด้วยความเพลีย แต่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกเหมือนบางสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของน้องต้นกำลังได้รับการเติมเต็มจากที่นี้ ที่ๆน้องต้นนอนหลับได้สนิทใจเป็นครั้งแรกในชีวิตของน้องต้นเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น