"เปิดประตูเร็วๆหน่อย
" ผมร้องบอกพี่แดงที่กำลังไขประตูห้องนั้น
ห้องที่ผมเกรียดที่สุดเท่าที่ผมจำได้
ผมเคยเข้าไปสำนึกผิดมาแล้วหลายครั้งและรู้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน
และตอนนี้เจ้าตัวเล็กของผมกำลังอยู่ในนั้นคนเดียวไม่รู้ว่าจะกลัวมากมายแค่ไหน ผมอยากเป็นคนแรกที่เข้าไปปลอบ ให้หายกลัว ผมไม่คิดเลยว่าเรื่องราวมันจะใหญ่โตขนาดนี้ เพราะผมเองก็ยัง งง วันนั้นที่น้องต้นทำน้องพลับเจ็บ และหายออกไปจากบ้าน และทุกคนวุ่นวายกันออกตามหา ตั้งสามวัน ไม่มีวี่แววของคนตัวเล็กเลย ทุกคนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน จนเกือบจะถอดใจแล้ว และ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเพื่อนลูกว่า น้องต้นหายไปตั้งแต่เช้ายังไม่กลับมาเลยจนจะตีสามอยู่แล้ว และถามไปถามมาได้ความว่า น้องต้นแอบหนีไปเที่ยวกับครอบครัวของเพื่อน และโกหกเขาว่าผม อนุญาติแล้ว และนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผม โดนพ่อด่าว่าเลี้ยงดูไม่ดีไม่ได้เรื่องและอีกมากมายสารพัด ที่จริงผมเองก็ไม่เข้าใจว่า เกิดขึ้นได้ไง ปกติน้องต้นไม่เคยเป็นแบบนี้ และนั้นทำให้ผมต้องยอมตามใจพ่อ เมื่อมีการกล่าวโทษและลงโทษน้องต้น เพราะว่าใครผิดก็เห็นๆกันอยู่
ผมเองก็หวั่นไหวมากมายไม่รู้ว่าน้องต้นจะโดนอะไรบ้าง เพราะพ่อผม ก็รู้กันอยู่ว่าท่านอารมร้ายขนาดไหนเมื่อไม่ได้ดังใจ และจะใจดีจนคุณแทบไม่อยากเชื่อเลยว่า ใช่ตนเดียวกันรึเปล่าเมื่อท่านพอใจและถูกใจคุณ เมื่อตอนเย็นที่ทำกับน้องต้นไปเพราะคิดถึงจนห้ามใจตัวเองไม่อยู่ คิดว่าต้องเสียน้องต้นไปตลอดชีวิตแล้วพอได้กลับคืนมาเหมือนได้เกิดใหม่และได้ทำร้ายเจ้าตัวเล้กไปแบบนั้น ทั้งๆที่อยากจะพูดอยากจะปลอบอย่ากจะว่าให้แต่กลัวพอได้คุยกันแล้วผมจะใจอ่อนและห้ามคุณพ่อและผลที่ตามมาอาจร้ายแรงกกว่าเดิมหลายเท่านัก พอรู้ว่าแค่เข้าไปสำนึกผิดผมก็ถอนใจโล่งอกเลยและเดินออกมาเพราะกลัวใจอ่อน ไม่อยากเห็นไม่อยากรับรู้ ทั้งๆที่รู้ว่าคนตัวเล็กอาจจะกลัวมากขนาดไหน ทำไงได้ ที่นี้เป็นกฏของบ้าน ที่ทุกคนรู้และยึดติดมาตลอด แต่ผมลืมไปว่าน้องต้นไม่ได้รับรู้และ ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านมาตั้งแต่แรกเริ่ม
ประตูห้องค่อยๆเปิดออก แสงสว่างจากภายนอกสาดส่องไปทั่ว ในห้องทำให้มองเห็นร่างเล็ก นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่กลางห้อง หัวใจของผมเจ็บขึ้นมาทันที่ที่คิดว่าคนตัวเล็กนั้นจะกลัวขนาดไหน
"น้องต้น " ผมพุดเสียงเบาๆ เพื่อบอกให้คนตัวเล็ก รู้สึกตัว จากเวลานั้นถึงเวลานี้ ก็ 36 ชั่วโมงแล้วไม่รู้ว่าจะหิวข้าวหิวน้ำมากขนาดไหน
"น้องต้น " ผมเรียกคนตัวเล็กอีกครั้งก่อนจะเดินไปสกิดแขนเบาๆ แต่คนตรงหน้ากลับไม่ตอบสนองอะไรเลยสักอย่าง
มือของผมสั่นเทา พลางสกิดน้องต้นเบาๆ แต่ก็ยังเหมือนเดิม
"น้องต้น ได้ยินพ่อมัย น้องต้น " ผมพยายามเรียกน้องต้นให้ได้สติ แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม
และเพียงไม่นาน ผม ก็พาน้องต้นมาหาหมอที่โรงพยาบาล และบอกเล่าเรื่องราวอาการของน้องต้นให้หมอฝัง ก่อนที่จะลงมือตรวจอาการของร่างเล็ก
ซึ่งตอนนี้ มีเพียงร่างกายที่มีลมหายใจอยู่ แต่ จิตใจของน้องต้นไม่ได้อยู่ในร่างกายเลย
"น้องต้นพ่อขอโทษ" ผมได้แต่พร่ำขอโทษคนร่างเล็ก ที่ตอนนี้นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนเตียง สายตาทอดมองไปยังพื้นเบื้องล่างอย่างไร้จุดหมาย
" คุณหมอครับลูกผม " ผมพูดได้เท่านี้เพราะมันพูดไม่ออกหัวใจผมเจ็บปวดและทรมานแทบขาดใจอยู่รอมล่อ กับคนตรงหน้าที่ผมรักยิ่งกว่าสิ่งใด
" คนไข้เกิดอาการ ซ๊อค และได้รรับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง จนปิดจิตใจตัวเองเอาไว้" คุณหมอพูดได้เท่านี้ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
เพราะรูอยู่แล้วว่า ครอบครัวผมเป็นยังไง เพราะเป็นเพื่อนของคุณพ่อนั่นเอง
"ต้องคอยดูแลเอาใจใส จนกว่าคนไขจะเปิดใจตัวเองนะครับ หมอจะให้ยาไปทาน"
แล้วเมื่อไหรละถึงจะยอมเปิดใจตัวเอง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องต้น ทำเอาหลายๆคนที่บ้าน ปิดปากเงียบ แม้แต่คุณพ่อ ที่มาดูอาการน้องต้นยังต้องเบือนหน้าหนี และไม่พูดอะไรสักคำ
อาการของน้องต้น นับวันยิ่งทรุดหนัก เพราะน้องต้น ไม่ยอมนอน ทั้งวันเอาแต่นั่งกอดเข่า และไม่ยอมกินอะไรเลย แม้แต่น้ำ
จนผมแทบบ้า ไม่รู้จะทำยังไง วันๆได้แต่นอนร้องให้ และพร่ำขอโทษ คนตัวเล็ก ที่นั่งนิ่งไม่ยอมกินยอมนอน จนร่างกายผอมโซ อย่างเห็นได้ชัด
จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนผมเดินเข้ามาในห้อง และทำให่ปาฏิหารเกิดขึ้น
"น้องต้นครับ จำพี่เอกได้เปล่าเนี้ย จำได้มัย ไม่เจอกันแปบเดียวผอมลงไปตั้งเยอะ อ่านะกินข้าวนะๆ พี่เอกป้อนนะครับ "
ผมได้แต่นั่งมอง เพื่อน ที่พูดคุยกับน้องต้นเพียงฝ่ายเดียว พยายามหลอกล้อให้ร่างเล็กกินข้าว แต่ผมลองมาหมดแล้ว
"นะนะ กินข้าว พี่เอกป้อน กินเสร็จน้า พี่เอกจะพาน้องต้นหนีไปไกลๆเลยไปจากคุณพ่อใจร้าย พาน้องต้นไปเที่ยวนะอยากไปมัย ไปให้ไกลๆ คุณพ่อเลยให้คุณพ่อตามหาไม่เจอเลย นะครับ น้องต้นอยากไปไหนพี่เอกตามใจทุกอย่างเลย และก็จะรักน้องต้นคนเดียว นะ ไม่ไปรักใครเลย จะนอนกอดน้องต้นทุกคืน ไม่ให้ใครนั่งตัก ไม่ให้ใครหอมแก้ม ไม่อุ้มคนอื่นนอกจากน้องต้น เลย กินข้าวก่อนนะ " .....................................................
ทุกอย่างก็เงียบ เหมือนเดิม ช้อนข้าวยังจ่ออยู่ที่ปากของน้องต้น และถูกดันเข้าไปในปากเล็กๆที่ค่อยๆ อ้าออกเพียงเล็กน้อย และข้าวช้อนนั้นก็ถูกกลืนลงไปจนหมด
ผม ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจกัน ที่น้องต้นยอมกินข้าวเพื่อที่จะหนีไปจากผม แต่แค่นี้ก็พอ แค่กินข้าวได้ก็พอแล้วตอนนี้ถึงจะหนีไปไหนผมก็จะตามไปให้สุดขอบโลกเลย
ทุกๆวันไอ้เอกต้องหอบงานมาทำที่โรงพยายาลเพราะมันมีหน้าที่ป้อนข้าวน้องต้น เพราะผม พูดจนเมื่อย น้องต้นก้ไม่เคยอ้าปากเพื่อที่จะกินข้าวเลยสักคำ แต่เพื่อนผม มาพูดๆและพูดในสิ่งที่ผม ต้องปวดใจ แต่น้องต้นกลับยอมทานข้าวกับมันเมื่อมันอ้างแต่จะพาหนีผมไปให้ไกลๆ
" พล กูว่าพาน้องต้นไปจากที่นี้เหอะวะ อยู่ไปก็เสียสุขภาพจิต " เพื่อนผมบอกในวันหนึ่ง ที่มันมาอยู่เป็นเพื่อนผมกับน้องต้น
ผมมองหน้ามันและถอนหายใจ "จะพาหนีไปจากกูจริงๆหรอวะ " ผมตอบมันและทำหน้าเศร้า
"ถ้ากูทำนะ กูขี้เกรียจมาน้องป้อนข้าวมึงอีกคน เป็นไรวะ ทำหน้าเศร้าเค้าน้ำตาทุกวัน จนกูคิดว่ามึงนะเป็นบ้าไปแล้วนะโว้ย พากลับบ้านเถอะ มึงจะได้สุขภาพจิตดีกว่านี้ อย่าเสียใจมากเลยวะเดียวน้องต้นก้หาย มึงลอง ทำเสียงแจ่มใสๆ พูดดีๆ ไม่ใช่พูดไปร้องให้ไป แบบนี้ วะ ถ้ามึงเป็นแบบนี้กูก็ไม่อยากฟื้นหรอกวะ มึงนะ รู้มัยว่ามึงนะผิด ผิดที่มึงไม่สนใจ น้องต้นเลย มึงนะ เอ่อ กูละเซ็ง ช่างเถอะ แต่กูอยากบอกเอาไว้ว่าที่น้องต้นนะ หนีออกจากบ้านเพราะมึงนะ ไม่ใช่หนีเที่ยวเหมือนมึงเข้าใจหรอก มันนะบอกว่า มึงไม่รักเขาและไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำมัยเลยหนีมา เพราะมึงมีคนอื่นมาแทนเขา กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงมีใครแต่ที่กูรู้ กูรู้แค่นี้เพราะมันบอกกูแค่นี้ " ผมนั่งฟังเพื่อน และคิด คิดว่าเกิดอะไรขึ้น ทำมัยน้องต้นถึงคิดว่าผมไม่รัก แล้วใครคือคนอื่นที่เข้ามาแทนที่น้องต้น และผมก็คิดได้ ว่า น้องพลับ หลายชายตัวเล็กที่ขาดพ่อ เพราะงานแต่งงานของน้องสาวผมไปได้ไม่สวยเพราะ พ่อบังคับให้แต่งงาน ถึงจะยังไม่หย่าร้างกันแต่ก็แยกกันอยู่ นานแล้ว และผมก็รักและเอ็นดูหลายคนนี้มากๆ และที่ผ่านมา
เมื่อนึกย้อนกลับไปที่บ้านผม น้องพลับเข้ามาแทนที่น้องต้นทุกอย่างจริงๆ เพราะผมรู้ว่า อีกนานกว่าจะได้เจอกันอีกเพราะนานๆฝ่ายนั้นเดินทางมาหาเองที่บ้าน และน้องพลับก็อ้อนเก่ง และผมลืมน้องต้นไปจริงๆนะหรอ เปล่าหรอก เพราะน้องต้นโตแล้วและน่าจะเข้าใจ เพราะน้องพลับขาดความอบอุ่น แต่น้องต้นก็ขาดความอบอุ่นเหมือนกัน และมายมายกว่าน้องพลับไม่รู้ตั้งกี่เท่า ก่อนที่จะมาเจอผม
น้ำตาผมร่วง เมื่อรู้ว่าต้นเหตุคือผม ถ้าตอนนั้นบอกน้องต้นและเอาใจใส่ดูแลให้มากกว่านั้นตอนนี้ก็คงไม่เป็นแบบนี้
"พ่อขอโทษ น้องต้น พ่อขอโทษ "
และตอนนี้เจ้าตัวเล็กของผมกำลังอยู่ในนั้นคนเดียวไม่รู้ว่าจะกลัวมากมายแค่ไหน ผมอยากเป็นคนแรกที่เข้าไปปลอบ ให้หายกลัว ผมไม่คิดเลยว่าเรื่องราวมันจะใหญ่โตขนาดนี้ เพราะผมเองก็ยัง งง วันนั้นที่น้องต้นทำน้องพลับเจ็บ และหายออกไปจากบ้าน และทุกคนวุ่นวายกันออกตามหา ตั้งสามวัน ไม่มีวี่แววของคนตัวเล็กเลย ทุกคนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน จนเกือบจะถอดใจแล้ว และ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเพื่อนลูกว่า น้องต้นหายไปตั้งแต่เช้ายังไม่กลับมาเลยจนจะตีสามอยู่แล้ว และถามไปถามมาได้ความว่า น้องต้นแอบหนีไปเที่ยวกับครอบครัวของเพื่อน และโกหกเขาว่าผม อนุญาติแล้ว และนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผม โดนพ่อด่าว่าเลี้ยงดูไม่ดีไม่ได้เรื่องและอีกมากมายสารพัด ที่จริงผมเองก็ไม่เข้าใจว่า เกิดขึ้นได้ไง ปกติน้องต้นไม่เคยเป็นแบบนี้ และนั้นทำให้ผมต้องยอมตามใจพ่อ เมื่อมีการกล่าวโทษและลงโทษน้องต้น เพราะว่าใครผิดก็เห็นๆกันอยู่
ผมเองก็หวั่นไหวมากมายไม่รู้ว่าน้องต้นจะโดนอะไรบ้าง เพราะพ่อผม ก็รู้กันอยู่ว่าท่านอารมร้ายขนาดไหนเมื่อไม่ได้ดังใจ และจะใจดีจนคุณแทบไม่อยากเชื่อเลยว่า ใช่ตนเดียวกันรึเปล่าเมื่อท่านพอใจและถูกใจคุณ เมื่อตอนเย็นที่ทำกับน้องต้นไปเพราะคิดถึงจนห้ามใจตัวเองไม่อยู่ คิดว่าต้องเสียน้องต้นไปตลอดชีวิตแล้วพอได้กลับคืนมาเหมือนได้เกิดใหม่และได้ทำร้ายเจ้าตัวเล้กไปแบบนั้น ทั้งๆที่อยากจะพูดอยากจะปลอบอย่ากจะว่าให้แต่กลัวพอได้คุยกันแล้วผมจะใจอ่อนและห้ามคุณพ่อและผลที่ตามมาอาจร้ายแรงกกว่าเดิมหลายเท่านัก พอรู้ว่าแค่เข้าไปสำนึกผิดผมก็ถอนใจโล่งอกเลยและเดินออกมาเพราะกลัวใจอ่อน ไม่อยากเห็นไม่อยากรับรู้ ทั้งๆที่รู้ว่าคนตัวเล็กอาจจะกลัวมากขนาดไหน ทำไงได้ ที่นี้เป็นกฏของบ้าน ที่ทุกคนรู้และยึดติดมาตลอด แต่ผมลืมไปว่าน้องต้นไม่ได้รับรู้และ ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านมาตั้งแต่แรกเริ่ม
ประตูห้องค่อยๆเปิดออก แสงสว่างจากภายนอกสาดส่องไปทั่ว ในห้องทำให้มองเห็นร่างเล็ก นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่กลางห้อง หัวใจของผมเจ็บขึ้นมาทันที่ที่คิดว่าคนตัวเล็กนั้นจะกลัวขนาดไหน
"น้องต้น " ผมพุดเสียงเบาๆ เพื่อบอกให้คนตัวเล็ก รู้สึกตัว จากเวลานั้นถึงเวลานี้ ก็ 36 ชั่วโมงแล้วไม่รู้ว่าจะหิวข้าวหิวน้ำมากขนาดไหน
"น้องต้น " ผมเรียกคนตัวเล็กอีกครั้งก่อนจะเดินไปสกิดแขนเบาๆ แต่คนตรงหน้ากลับไม่ตอบสนองอะไรเลยสักอย่าง
มือของผมสั่นเทา พลางสกิดน้องต้นเบาๆ แต่ก็ยังเหมือนเดิม
"น้องต้น ได้ยินพ่อมัย น้องต้น " ผมพยายามเรียกน้องต้นให้ได้สติ แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม
และเพียงไม่นาน ผม ก็พาน้องต้นมาหาหมอที่โรงพยาบาล และบอกเล่าเรื่องราวอาการของน้องต้นให้หมอฝัง ก่อนที่จะลงมือตรวจอาการของร่างเล็ก
ซึ่งตอนนี้ มีเพียงร่างกายที่มีลมหายใจอยู่ แต่ จิตใจของน้องต้นไม่ได้อยู่ในร่างกายเลย
"น้องต้นพ่อขอโทษ" ผมได้แต่พร่ำขอโทษคนร่างเล็ก ที่ตอนนี้นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนเตียง สายตาทอดมองไปยังพื้นเบื้องล่างอย่างไร้จุดหมาย
" คุณหมอครับลูกผม " ผมพูดได้เท่านี้เพราะมันพูดไม่ออกหัวใจผมเจ็บปวดและทรมานแทบขาดใจอยู่รอมล่อ กับคนตรงหน้าที่ผมรักยิ่งกว่าสิ่งใด
" คนไข้เกิดอาการ ซ๊อค และได้รรับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง จนปิดจิตใจตัวเองเอาไว้" คุณหมอพูดได้เท่านี้ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
เพราะรูอยู่แล้วว่า ครอบครัวผมเป็นยังไง เพราะเป็นเพื่อนของคุณพ่อนั่นเอง
"ต้องคอยดูแลเอาใจใส จนกว่าคนไขจะเปิดใจตัวเองนะครับ หมอจะให้ยาไปทาน"
แล้วเมื่อไหรละถึงจะยอมเปิดใจตัวเอง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องต้น ทำเอาหลายๆคนที่บ้าน ปิดปากเงียบ แม้แต่คุณพ่อ ที่มาดูอาการน้องต้นยังต้องเบือนหน้าหนี และไม่พูดอะไรสักคำ
อาการของน้องต้น นับวันยิ่งทรุดหนัก เพราะน้องต้น ไม่ยอมนอน ทั้งวันเอาแต่นั่งกอดเข่า และไม่ยอมกินอะไรเลย แม้แต่น้ำ
จนผมแทบบ้า ไม่รู้จะทำยังไง วันๆได้แต่นอนร้องให้ และพร่ำขอโทษ คนตัวเล็ก ที่นั่งนิ่งไม่ยอมกินยอมนอน จนร่างกายผอมโซ อย่างเห็นได้ชัด
จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนผมเดินเข้ามาในห้อง และทำให่ปาฏิหารเกิดขึ้น
"น้องต้นครับ จำพี่เอกได้เปล่าเนี้ย จำได้มัย ไม่เจอกันแปบเดียวผอมลงไปตั้งเยอะ อ่านะกินข้าวนะๆ พี่เอกป้อนนะครับ "
ผมได้แต่นั่งมอง เพื่อน ที่พูดคุยกับน้องต้นเพียงฝ่ายเดียว พยายามหลอกล้อให้ร่างเล็กกินข้าว แต่ผมลองมาหมดแล้ว
"นะนะ กินข้าว พี่เอกป้อน กินเสร็จน้า พี่เอกจะพาน้องต้นหนีไปไกลๆเลยไปจากคุณพ่อใจร้าย พาน้องต้นไปเที่ยวนะอยากไปมัย ไปให้ไกลๆ คุณพ่อเลยให้คุณพ่อตามหาไม่เจอเลย นะครับ น้องต้นอยากไปไหนพี่เอกตามใจทุกอย่างเลย และก็จะรักน้องต้นคนเดียว นะ ไม่ไปรักใครเลย จะนอนกอดน้องต้นทุกคืน ไม่ให้ใครนั่งตัก ไม่ให้ใครหอมแก้ม ไม่อุ้มคนอื่นนอกจากน้องต้น เลย กินข้าวก่อนนะ " .....................................................
ทุกอย่างก็เงียบ เหมือนเดิม ช้อนข้าวยังจ่ออยู่ที่ปากของน้องต้น และถูกดันเข้าไปในปากเล็กๆที่ค่อยๆ อ้าออกเพียงเล็กน้อย และข้าวช้อนนั้นก็ถูกกลืนลงไปจนหมด
ผม ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจกัน ที่น้องต้นยอมกินข้าวเพื่อที่จะหนีไปจากผม แต่แค่นี้ก็พอ แค่กินข้าวได้ก็พอแล้วตอนนี้ถึงจะหนีไปไหนผมก็จะตามไปให้สุดขอบโลกเลย
ทุกๆวันไอ้เอกต้องหอบงานมาทำที่โรงพยายาลเพราะมันมีหน้าที่ป้อนข้าวน้องต้น เพราะผม พูดจนเมื่อย น้องต้นก้ไม่เคยอ้าปากเพื่อที่จะกินข้าวเลยสักคำ แต่เพื่อนผม มาพูดๆและพูดในสิ่งที่ผม ต้องปวดใจ แต่น้องต้นกลับยอมทานข้าวกับมันเมื่อมันอ้างแต่จะพาหนีผมไปให้ไกลๆ
" พล กูว่าพาน้องต้นไปจากที่นี้เหอะวะ อยู่ไปก็เสียสุขภาพจิต " เพื่อนผมบอกในวันหนึ่ง ที่มันมาอยู่เป็นเพื่อนผมกับน้องต้น
ผมมองหน้ามันและถอนหายใจ "จะพาหนีไปจากกูจริงๆหรอวะ " ผมตอบมันและทำหน้าเศร้า
"ถ้ากูทำนะ กูขี้เกรียจมาน้องป้อนข้าวมึงอีกคน เป็นไรวะ ทำหน้าเศร้าเค้าน้ำตาทุกวัน จนกูคิดว่ามึงนะเป็นบ้าไปแล้วนะโว้ย พากลับบ้านเถอะ มึงจะได้สุขภาพจิตดีกว่านี้ อย่าเสียใจมากเลยวะเดียวน้องต้นก้หาย มึงลอง ทำเสียงแจ่มใสๆ พูดดีๆ ไม่ใช่พูดไปร้องให้ไป แบบนี้ วะ ถ้ามึงเป็นแบบนี้กูก็ไม่อยากฟื้นหรอกวะ มึงนะ รู้มัยว่ามึงนะผิด ผิดที่มึงไม่สนใจ น้องต้นเลย มึงนะ เอ่อ กูละเซ็ง ช่างเถอะ แต่กูอยากบอกเอาไว้ว่าที่น้องต้นนะ หนีออกจากบ้านเพราะมึงนะ ไม่ใช่หนีเที่ยวเหมือนมึงเข้าใจหรอก มันนะบอกว่า มึงไม่รักเขาและไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำมัยเลยหนีมา เพราะมึงมีคนอื่นมาแทนเขา กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงมีใครแต่ที่กูรู้ กูรู้แค่นี้เพราะมันบอกกูแค่นี้ " ผมนั่งฟังเพื่อน และคิด คิดว่าเกิดอะไรขึ้น ทำมัยน้องต้นถึงคิดว่าผมไม่รัก แล้วใครคือคนอื่นที่เข้ามาแทนที่น้องต้น และผมก็คิดได้ ว่า น้องพลับ หลายชายตัวเล็กที่ขาดพ่อ เพราะงานแต่งงานของน้องสาวผมไปได้ไม่สวยเพราะ พ่อบังคับให้แต่งงาน ถึงจะยังไม่หย่าร้างกันแต่ก็แยกกันอยู่ นานแล้ว และผมก็รักและเอ็นดูหลายคนนี้มากๆ และที่ผ่านมา
เมื่อนึกย้อนกลับไปที่บ้านผม น้องพลับเข้ามาแทนที่น้องต้นทุกอย่างจริงๆ เพราะผมรู้ว่า อีกนานกว่าจะได้เจอกันอีกเพราะนานๆฝ่ายนั้นเดินทางมาหาเองที่บ้าน และน้องพลับก็อ้อนเก่ง และผมลืมน้องต้นไปจริงๆนะหรอ เปล่าหรอก เพราะน้องต้นโตแล้วและน่าจะเข้าใจ เพราะน้องพลับขาดความอบอุ่น แต่น้องต้นก็ขาดความอบอุ่นเหมือนกัน และมายมายกว่าน้องพลับไม่รู้ตั้งกี่เท่า ก่อนที่จะมาเจอผม
น้ำตาผมร่วง เมื่อรู้ว่าต้นเหตุคือผม ถ้าตอนนั้นบอกน้องต้นและเอาใจใส่ดูแลให้มากกว่านั้นตอนนี้ก็คงไม่เป็นแบบนี้
"พ่อขอโทษ น้องต้น พ่อขอโทษ "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น