“คุณพ่อ
พรุ่งนี้วันเกิดน้องต้นแล้วนะ คุณพ่อเตรียมงานเสร็จรึยังครับ” เสียงของน้องโยเอ่ยถามผม ที่กำลังขับรถไปหาชื้อของขวัญให้กับน้องต้น
“เสร็จแล้วครับ น้องโยไม่ต้องเป็นห่วง พ่อจัดการหมดแล้ว เหลือแค่จะพาน้องต้นมาที่โรงแรมเท่านั้นเอง พวกเพื่อนๆ คุณครู น้องโยก็ไปบอกหมดแล้วนี้ ว่าเราจะแอบจัดงานวันเกิดกันที่โรงแรม พ่ออยากให้ถึงเวลาเร็วๆจัง น้องต้นคงจะดีใจ”
ผมบอกกับลูกชายอีกคนของผม ที่อายุมากกว่าน้องต้น 1 ปี ชื่อว่าน้องโย เรามีโครงการจะแอบจัดงานวันเกิดให้น้องต้นกันอย่างลับๆ และปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี มันทรมานมากเลยที่ต้องแกล้งทำเป็นว่าผมจำวันเกิดของน้องต้นไม่ได้ ทั้งๆที่ผมจำได้ดียิ่งกว่าอะไรเสียอีก เวลามองดูแววตาเศร้าๆของน้องต้นที่แสดงออกมา อย่างน้อยอกน้อยใจที่ทุกคนแกล้งจำวันเกิดของตัวเองไม่ได้ ผมอย่างเข้าไปกอดเข้าไปปลอบว่าผมจำได้ และมีของขวัญมาให้ แต่ก็ต้องอดใจทำตามแผนการที่วางเอาไว้กับลูกชายคนโต แค่คิดว่าผมจะเห็นน้องต้นร้องห่มร้องให้ โผเข้ากอดผมด้วยความดีใจกับงานวันเกิดที่ผมจัดเตรียมเอาไว้ให้ผมก็มีความสุขมากแล้ว เลยได้แต่พร่ำบอกน้องต้นในใจว่าพ่อขอโทษนะ พ่อรักน้องต้นนะ อย่าทำตาเศร้าๆอย่างนั้นสิ น้องต้น
และแล้ววันเกิดของน้องต้นก็มาถึง ผมรู้ว่าลูกชายผมนะตื่นเต้นขนาดไหน ปกติจะนอนขี้เซาตื่นสายนิดหน่อย แต่วันนี้น้องต้นตื่นตั้งแต่ ตี 5 เพื่อไปทำอะไรสักอย่างในครัว กลิ่นหอมๆของโจ๊กลอยมาแต่ไกล ผมอยากทานโจ๊กที่น้องต้นทำให้ทานจริงๆ แต่ผมกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวอาจจะบอกน้องต้นหมดเลยเกี่ยวกับเรื่องที่ผมแอบทำมา ผมเลยนอนกอดน้องโยเพื่อจะได้ออกไปข้างนอกสายๆน้องต้นจะได้ไม่มีโอกาสถามอะไรผมมาก เสียงของน้องต้นร้องเรียกผมดังขึ้นที่หน้าห้องเมื่อตอนนี้มันสายมากแล้ว ก่อนน้องต้นทำทำหน้าตาแบบว่าเซ็งจัดที่เห็นผมกับน้องโยกำลังทำอะไรกันอยู่ ก่อนที่น้องต้นจะร้องบอกให้ผมทำน้องโยเร็วๆจะได้ไปโรงเรียน
วันนั้นที่ผมไปรับน้องต้นกลับจากโรงเรียนเพื่อที่จะได้เตรียมตัวพาน้องต้นไปร่วมงานวันเกิดที่ผมจัดให้ที่โรงแรม เสียงเล็กๆของน้องต้นก็เอ่ยถามผมว่า วันนี้วันอะไร วันที่เท่าไร ถามผมว่าผมจำได้รึเปล่า แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แววตาที่ผิดหวังปนกับเสียใจที่ผมมองเห็นได้ในดวงตาของน้องต้น มันทำให้หัวใจของผมปวดร้าวไปหมด ผมไม่รู้ว่าผมจะทนได้จนถึง 6 โมงเย็นรึเปล่า ผมอยากให้ถึง 6 โมงเย็นเร็วๆจังผมจะได้พาน้องต้นไปที่โรงแรมสักที
พอพวกเราสามคนมาถึงบ้านก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว ผมกับน้องโยต้องไปดูสถานที่จัดงานอีกครั้งเพื่อดูความพร้อม ผมถามน้องต้นว่าจะออกไปด้วยรึเปล่า ที่จริงก็ถามไปงั้นแหละครับเพราะว่าสั่งคุณครูของน้องต้นเอาไว้แล้วว่าต้องให้การบ้านน้องต้นเยอะๆ และก็เป็นไปตามนั้นน้องต้นไม่ยอมไปด้วยเพราะต้องทำการบ้าน ผมและน้องโยก็ยิ้มให้กันก่อนจะขับรถออกไปและจะกลับมารับน้องต้นก่อน 6โมงเย็น ................
ตอนห้าโมง ห้าสิบนาทีผมกลับมาถึงบ้านเพื่อที่จะมารับน้องต้น แต่ผมไม่เจอน้องต้นเลย หาจนทั่วบ้าน ก็ไม่เจอ ผมเลยให้น้องโยรอที่บ้านส่วนผมขับรถออกไปหาตามร้านเกมและตามสถานที่ที่น้องต้นชอบไปเล่น จนเวลาผ่านไป จนถึงทุ่มหนึ่ง ผมยังหาน้องต้นไม่เจอ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำมัยทุกอย่างมันถึงเป็นแบบนี้ ผมตามหาจนทั่วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอโทรหาน้องโยน้องต้นก็ยังไม่กลับบ้าน ปกติ หลังจากหกโมงเย็นเด็กๆจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน ซึ่งน้องโยและน้องต้นก็ไม่เคยดื้อมาก่อน ผมตามหาน้องต้นจนเริ่มที่จะโกรธที่น้องต้นทำตัวแบบนี้ จนกระทั้ง ผมขับรถผ่านสนามเด็กเล่นอีกรอบหนึ่งถึงได้เห็นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งกินเหล้าและกำลังลวนลามเด็กคนหนึ่ง ซึ่งผมมองแวบเดียวก็รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นน้องต้น พอผมเห็นภาพที่ลูกผมกำลังอ่อนระทวยให้คนอื่นลูบคลำลวนลามอย่างนั้นผมก็โมโหจัด น้องต้นไม่ยอมกลับบ้านแต่มาทำอย่างนี้ ผมโกรธจนลืมตัวเลยในตอนนั้น ผมขับรถเข้าไปจอดใกล้ๆ กลุ่มพวกวัยรุ่นพากันวิ่งหนี เหลือเพียงน้องต้นที่นอนอ้าขาโชว์เจ้าจู๋เล็กๆที่กำลังแข็งจนกระตุกไปมา มีคราบน้ำลายไหลอาบจนเปียกไปหมด น้องต้นไม่รู้สึกตัวเพราะกินเหล้าจนเมา ผมไม่เคยให้น้องต้นกินเหล้ามาก่อน และน้องต้นก็ไม่เคยแตะต้องมันให้ผมเห็นแต่ตอนนี้ สิ่งที่ผมคาดหวังกับน้องต้นมันพังลงที่ละอย่างที่ละอย่าง ผมไม่เคยเห็นลูกเป็นอย่างนี้ มันเจ็บปวด กับสิ่งที่น้องต้นทำ ........................
ผมกำลังข่มขืนลูกตัวเองอย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าผมจะรุ่นแรงกับน้องต้นได้ขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่ผมมองเห็นน้องต้น ภาพที่มีคนลวนลามน้องต้นมันมาคอยซ้อนทับให้ผมคิดถึงเสอม ทุกครั้งที่ผมจะหยุดแต่ความโกรธก็เข้ามาแทนที่ ผมอยากลบรอยพวกนั้นผมจะทำให้รอยพวกนั้นหายไปเพราะมีรอยใหม่ที่ผมทำเข้ามาแทนที่ เสียงของน้องต้นที่ครางเบาๆว่าเจ็บดังแว่วมาให้ผมได้ยิน
หยดน้ำตาที่ไหลออกมาอาบสองแก้มของน้องต้น เสียงที่ได้ยิน ภาพที่ได้เห็น ผมไม่รู้ว่าน้องต้นจะเจ็บแค่ไหนขนาดนอนหลับไม่รู้สึกตัวน้องต้นยังร้องให้ออกมา กับสิ่งที่ผมทำ
ผมนั่งดื่มเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าเพียงลำพัง ผมดื่มเพื่อที่จะให้ผมลืม ลืมว่าผมได้พบได้เห็นอะไร และเพื่อให้ลืมว่าผมได้ทำอะไรกับน้องต้นลูกชายที่ผมรักยิ่งกว่าสิ่งใด ........................
ผมไม่รู้ว่าผมดื่มไปเท่าไร ผมรู้สึกตัวอีกทีเพราะได้ยินเสียงของน้องต้นร้องดังเบาๆในห้องนอน นั่นแหละ ผมถึงได้วางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปหาน้องต้น
“คุณพ่อ” เสียงเล็กๆร้องเรียกผม อย่างตกใจ สายตาที่มองมาที่ผมมันช่างเป็นสายตาที่หวาดกลัว น้องต้นพยายามที่จะเดินหนีผม เหมือนกับว่าไม่อยากให้ผมเข้าใกล้ นั่นแหละที่ทำให้ผม ขาดสติอีกครั้งหนึ่ง
ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรกับน้องต้นบ้าง เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากน้องต้นไม่สามารถส่งผ่านความโกรธ และความเสียใจของผมได้เลย ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อร่างเล็กๆของน้องต้นอ่อนแรงแทบจะไม่หายใจ ดวงตาเบิกค้างเลื่อนลอย สองมือของผมสั่นเทาค่อยๆประคองน้องต้นขึ้นมากอด น้ำตาผมไหล “พ่อขอโทษ น้องต้นพ่อขอโทษ อือๆ” ...........................
ผมนั่งรอคุณหมอที่กำลังพยายามที่จะช่วยน้องต้น ให้มีชีวิตอยู่ ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี ผมได้แต่ร้องให้เสียใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าน้องต้นเป็นอะไรไปผมจะอยู่อย่างไร สองมือเล็กๆอีกคู่หนึ่งที่โอบกอดผมเอาไว้พลางสะอื้นให้อยู่ข้างๆผม
ผมไม่รู้ว่าจะตอบน้องโยยังไงเมื่อน้องโยถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องต้น ผมได้แต่กอดและร้องให้อยู่กับน้องโยเพียงลำพังด้วยหัวใจที่แตกสลาย ……………
ผมมองดูร่างเล็กๆของน้องต้นที่นอนอยู่บนเตียง มีสายอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด มีเพียงเสียงดังปี๊บๆ จากเครื่องตรวจจับ
ชีพจรเท่านั้น ที่ยังบ่งบอกว่าน้องต้นยังมีลมหายใจ ผมเพิ่งได้รู้ว่าน้องต้นเป็นโรคหัวใจ และมีบางสิ่งบางอย่างที่กระทบจิตใจน้องต้นอย่างรุ่นแรง จนถึงกับทำให้หัวใจล้มเหลวหยุดทำงาน สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผมจะไม่มีวันให้อภัยกับตัวเองเลยตลอดชีวิตนี้ กับสิ่งเลวร้ายที่ผมได้ทำลงไปกับเด็กเล็กๆคนหนึ่ง
วันเวลาค่อยๆผ่านเลยไป จากวันหนึ่งเป็นสองวัน สามวัน สี่วัน ห้าวัน สุดท้าย วันนี้วันที่ เจ็ดแล้วที่น้องต้นได้แต่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้สติ ผมเฝ้ารอเฝ้าคอยด้วยความหวัง และความกลัวที่มันเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ จนผมไม่เป็นอันจะกินอันจะนอน ทุกครั้งที่ผมหลับตาลงภาพต่างๆมันจะวิ่งตามมาหลอกผมจนต้องสะดุ้งตกใจตื่นแทบทุกคืน
วันนี้ผมนั่งเฝ้าน้องต้นเหมือนทุกวัน ได้ยินเสียงน้องโยร้องถามว่า “น้องต้นยังไม่ตื่นหรอครับคุณพ่อ นี้มันเจ็ดวันแล้วนะ “ นั่นสินะ เจ็ดวันแล้วที่น้องต้นไม่ยอมตื่นมาพบกับผม หยดน้ำตาของผมไหลออกมาด้วยความเสียใจ เสียงปี๊บๆ นั่นยังคงดังต่อไป แต่ผมรู้สึกว่าเสียงนั้นมันจะช้าลงและยาวนานขึ้นอย่างไรไม่รู้
เสียง ปี๊บบบบบบบบบบบบบบบบ เสียงเดียวดังขึ้น และดังยาวนานที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ฟัง เสียงนั้นมันทำเอาผมตกใจกลัวจนตกเก้าอี้ หัวใจผมเหมือนมันจะหยุดเต้น มันปวดหนึบแทบจะทนไม่ได้ ผมอยากหยุดหายใจให้มันรู้แล้วรู้รอดเพื่อจะได้ให้ผมหายเจ็บปวดกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้
เสียงคุณหมอและพยาบาล พากันวิ่งเข้ามา พากันปั้มหัวใจของน้องต้นให้กับมาเต้นอีกครั้ง ร่างเล็กๆของน้องต้นกระตกจนตัวโยนเมื่อเครื่องช่วยปั้มหัวใจถูกกดลงบนหน้าอกเล็กๆนั้น ได้โปรดเถอะได้โปรดช่วยพาผมออกจากตรงนี้ทีก่อนที่ผมจะขาดใจตามเพราะความเสียใจกับภาพที่เห็นตรงเบื้องหน้านี้
ทุกอย่างหยุดลงเมื่อคุณหมอได้ใช้เครื่องปั้มหัวใจของน้องต้นไปถึง 7 ครั้ง แต่สัญญาณชีพจรของน้องต้นก็ยังไม่กลับคืนมา
ผ้าขาวถูกนำมาคลุมร่างของน้องต้นเอาไว้ ก่อนที่หมดจะพากันทยอยเดินออกไป ผมถลาเข้าไปหาน้องต้น กอดร่างเล็กๆนั้นเอาไว้ด้วยหัวใจที่แตกสลาย “น้องต้น พ่อขอโทษ พ่อขอโทษ น้องต้น อย่าทิ้งพ่อไป กลับมา กลับมาน้องต้นกลับมาอยู่กับพ่อ อือ น้องต้น พ่อขอโทษ พ่อรักน้องต้น พ่อขอโทษน้องต้น อือๆ” ผมร้องให้สะอื้น จนแทบลืมหายใจกอดศพลูกชายเอาไว้แน่น
“ปี๊บ ... ปี๊บ...ปี๊บ...ปี๊บ...” เสียงบางอย่างดังขึ้นอีกครั้ง ผมจ้องมองหน้าน้องต้น ที่ตอนนี้มันมองดูเลือนรางเพราะน้ำตาของผมที่มันไหลออกมา เปลือกตาเล็กๆของน้องต้นขยับปรือไปมาก่อนจะค่อยๆลืมขึ้นมองหน้าผม ปากเล็กๆพยายามที่จะยิ้มแต่มันดู
อ่อนแรงจนแทบจะไม่ขยับ ก่อนที่เปลือกตานั้นจะค่อยๆหลับลงอีกครั้งหนึ่ง
“คุณหมอ คุณหมอลูกผม ลูกผม ฟื้นแล้ว ฟื้นแล้วคุณหมอ” ผมร้องตะโกนเรียกคุณหมอ ก่อนที่คุณหมอจะมาแยกผมและน้องต้นออกจากกัน ผมได้แต่ยืนดูอยู่ห่างๆ ดูคุณหมอกำลังจะช่วยชีวิตลูกชายของผมอีกครั้ง
ผ่านไปอีก 3 วันที่น้องต้นกลับมาหายใจ เปลือกตาเล็กๆที่มักเก็บซ่อนความรู้สึกต่างๆของร่างเล็กๆนั่นก็ค่อยๆลืมตาขึ้น วินาทีนั้น ผมดีใจเสียยิ่งกว่าผมได้เกิดใหม่ ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่ได้คืนดวงใจของผมกลับคืนมาหาผมอีกครั้งหนึ่ง ผมสัญญาและสาบานว่าผมจะดูแลดวงใจของผมให้ดีที่สุด ………………
" พี่โย พี่โยอยู่ไหน ทำมัยไม่มาเยี่ยมน้องต้นเลย" น้องต้นกำลังคุยโทรศัพท์กับพี่โย ที่โทรมาหาคุณพ่อ แล้วน้องต้นขอคุยด้วย
โดยมีคุณพ่อที่ยืนยิ้มๆคอยฟังอยู่ข้างๆ น้องต้นหันไปทำตาดุๆใส่คุณพ่อเป็นระยะๆ ทำมัยจะต้องมาแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ด้วยเล่า
พี่โยบอกน้องต้นว่า พี่โยไปเข้าโรงเรียนประจำที่กรุงเทพ ที่พี่โยกับคุณพ่อเคยไปดูมา พากันแอบไปตอนไหนน้องต้นก็ไม่เข้าใจไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย
ทั้งๆที่พี่โยไม่อยากจะไปแต่คุณพ่อก็อยากให้ไป จนสุดท้ายพี่โยก็ตัดสินใจที่จะไปเรียนที่กรุงเทพ พี่โยแอบบอกน้องต้นว่า พี่โยกลัวน้องต้นจะตายเลยไม่กล้า
ที่จะอยู่จนน้องต้นฟื้นเลยแอบหนีไปคนเดียว น้องต้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าทำมัยตัวเองถึงมานอนอยู่โรงบาลได้
พอฟื้นขึ้นมาอีกที ก็เจอคุณพ่อร้องห่มร้องให้จะเป็นจะตายอยู่ข้างๆ น้องต้นจำได้เพียงแค่ว่าก่อนนั้นน้องต้นกับคุณพ่อมีอะไรกันคุณพ่อกำลังโกรธแล้วทำน้องต้นแรงๆ
จนน้องต้นเจ็บไปหมด จากนั้นก็มาอยู่ที่นี้ แต่ตามตัวของน้องต้นตอนนี้ไม่เจ็บอะไรเลยครับ เหมือนกับว่าคุณพ่อไม่เคยทำอะไรเจ็บๆให้น้องต้นเลย
แต่ว่าตอนนี้น้องต้นรำคาญคุณพ่อมากๆเลยครับ ก็คุณพ่ออะ ขนาดพี่โยแแอบหนีไปเรียนที่กรุงเทพแทนที่จะเสียใจมั่งก็ไม่มี เอาแต่มานั้งจ้องน้องต้น
จ้องไปยิ้มไปยังไม่พอบางทีอยู่ดีๆก็เข้ามากอดเข้ามาจูบ ปากก็พร่ำบอกน้องต้นว่า "คุณพ่อรักน้องต้น รักที่สุดเลย อยู่กับคุณพ่อนะ คุณพ่อขอโทษ" อะไรแบบนี้
จนบางทีน้องต้นยังแอบกลัวๆคุณพ่อเลยว่าคุณพ่อเป็นอะไร ถึงได้ทำท่าทางแปลกๆแบบนั้นอยู่ได้ทั้งวัน งานการก็ไม่ยอมไปทำ
ต่อไปต้องเหงาแน่ๆเลยก็พี่โยไม่อยู่แล้ว คงต้องอยู่คนเดียวกับคุณพ่อสองคน ไม่มีเพื่อนเล่นแน่ๆเลย แล้วน้องต้นจะทำยังไงดีน้า
“เสร็จแล้วครับ น้องโยไม่ต้องเป็นห่วง พ่อจัดการหมดแล้ว เหลือแค่จะพาน้องต้นมาที่โรงแรมเท่านั้นเอง พวกเพื่อนๆ คุณครู น้องโยก็ไปบอกหมดแล้วนี้ ว่าเราจะแอบจัดงานวันเกิดกันที่โรงแรม พ่ออยากให้ถึงเวลาเร็วๆจัง น้องต้นคงจะดีใจ”
ผมบอกกับลูกชายอีกคนของผม ที่อายุมากกว่าน้องต้น 1 ปี ชื่อว่าน้องโย เรามีโครงการจะแอบจัดงานวันเกิดให้น้องต้นกันอย่างลับๆ และปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี มันทรมานมากเลยที่ต้องแกล้งทำเป็นว่าผมจำวันเกิดของน้องต้นไม่ได้ ทั้งๆที่ผมจำได้ดียิ่งกว่าอะไรเสียอีก เวลามองดูแววตาเศร้าๆของน้องต้นที่แสดงออกมา อย่างน้อยอกน้อยใจที่ทุกคนแกล้งจำวันเกิดของตัวเองไม่ได้ ผมอย่างเข้าไปกอดเข้าไปปลอบว่าผมจำได้ และมีของขวัญมาให้ แต่ก็ต้องอดใจทำตามแผนการที่วางเอาไว้กับลูกชายคนโต แค่คิดว่าผมจะเห็นน้องต้นร้องห่มร้องให้ โผเข้ากอดผมด้วยความดีใจกับงานวันเกิดที่ผมจัดเตรียมเอาไว้ให้ผมก็มีความสุขมากแล้ว เลยได้แต่พร่ำบอกน้องต้นในใจว่าพ่อขอโทษนะ พ่อรักน้องต้นนะ อย่าทำตาเศร้าๆอย่างนั้นสิ น้องต้น
และแล้ววันเกิดของน้องต้นก็มาถึง ผมรู้ว่าลูกชายผมนะตื่นเต้นขนาดไหน ปกติจะนอนขี้เซาตื่นสายนิดหน่อย แต่วันนี้น้องต้นตื่นตั้งแต่ ตี 5 เพื่อไปทำอะไรสักอย่างในครัว กลิ่นหอมๆของโจ๊กลอยมาแต่ไกล ผมอยากทานโจ๊กที่น้องต้นทำให้ทานจริงๆ แต่ผมกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวอาจจะบอกน้องต้นหมดเลยเกี่ยวกับเรื่องที่ผมแอบทำมา ผมเลยนอนกอดน้องโยเพื่อจะได้ออกไปข้างนอกสายๆน้องต้นจะได้ไม่มีโอกาสถามอะไรผมมาก เสียงของน้องต้นร้องเรียกผมดังขึ้นที่หน้าห้องเมื่อตอนนี้มันสายมากแล้ว ก่อนน้องต้นทำทำหน้าตาแบบว่าเซ็งจัดที่เห็นผมกับน้องโยกำลังทำอะไรกันอยู่ ก่อนที่น้องต้นจะร้องบอกให้ผมทำน้องโยเร็วๆจะได้ไปโรงเรียน
วันนั้นที่ผมไปรับน้องต้นกลับจากโรงเรียนเพื่อที่จะได้เตรียมตัวพาน้องต้นไปร่วมงานวันเกิดที่ผมจัดให้ที่โรงแรม เสียงเล็กๆของน้องต้นก็เอ่ยถามผมว่า วันนี้วันอะไร วันที่เท่าไร ถามผมว่าผมจำได้รึเปล่า แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แววตาที่ผิดหวังปนกับเสียใจที่ผมมองเห็นได้ในดวงตาของน้องต้น มันทำให้หัวใจของผมปวดร้าวไปหมด ผมไม่รู้ว่าผมจะทนได้จนถึง 6 โมงเย็นรึเปล่า ผมอยากให้ถึง 6 โมงเย็นเร็วๆจังผมจะได้พาน้องต้นไปที่โรงแรมสักที
พอพวกเราสามคนมาถึงบ้านก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว ผมกับน้องโยต้องไปดูสถานที่จัดงานอีกครั้งเพื่อดูความพร้อม ผมถามน้องต้นว่าจะออกไปด้วยรึเปล่า ที่จริงก็ถามไปงั้นแหละครับเพราะว่าสั่งคุณครูของน้องต้นเอาไว้แล้วว่าต้องให้การบ้านน้องต้นเยอะๆ และก็เป็นไปตามนั้นน้องต้นไม่ยอมไปด้วยเพราะต้องทำการบ้าน ผมและน้องโยก็ยิ้มให้กันก่อนจะขับรถออกไปและจะกลับมารับน้องต้นก่อน 6โมงเย็น ................
ตอนห้าโมง ห้าสิบนาทีผมกลับมาถึงบ้านเพื่อที่จะมารับน้องต้น แต่ผมไม่เจอน้องต้นเลย หาจนทั่วบ้าน ก็ไม่เจอ ผมเลยให้น้องโยรอที่บ้านส่วนผมขับรถออกไปหาตามร้านเกมและตามสถานที่ที่น้องต้นชอบไปเล่น จนเวลาผ่านไป จนถึงทุ่มหนึ่ง ผมยังหาน้องต้นไม่เจอ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำมัยทุกอย่างมันถึงเป็นแบบนี้ ผมตามหาจนทั่วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอโทรหาน้องโยน้องต้นก็ยังไม่กลับบ้าน ปกติ หลังจากหกโมงเย็นเด็กๆจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน ซึ่งน้องโยและน้องต้นก็ไม่เคยดื้อมาก่อน ผมตามหาน้องต้นจนเริ่มที่จะโกรธที่น้องต้นทำตัวแบบนี้ จนกระทั้ง ผมขับรถผ่านสนามเด็กเล่นอีกรอบหนึ่งถึงได้เห็นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งกินเหล้าและกำลังลวนลามเด็กคนหนึ่ง ซึ่งผมมองแวบเดียวก็รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นน้องต้น พอผมเห็นภาพที่ลูกผมกำลังอ่อนระทวยให้คนอื่นลูบคลำลวนลามอย่างนั้นผมก็โมโหจัด น้องต้นไม่ยอมกลับบ้านแต่มาทำอย่างนี้ ผมโกรธจนลืมตัวเลยในตอนนั้น ผมขับรถเข้าไปจอดใกล้ๆ กลุ่มพวกวัยรุ่นพากันวิ่งหนี เหลือเพียงน้องต้นที่นอนอ้าขาโชว์เจ้าจู๋เล็กๆที่กำลังแข็งจนกระตุกไปมา มีคราบน้ำลายไหลอาบจนเปียกไปหมด น้องต้นไม่รู้สึกตัวเพราะกินเหล้าจนเมา ผมไม่เคยให้น้องต้นกินเหล้ามาก่อน และน้องต้นก็ไม่เคยแตะต้องมันให้ผมเห็นแต่ตอนนี้ สิ่งที่ผมคาดหวังกับน้องต้นมันพังลงที่ละอย่างที่ละอย่าง ผมไม่เคยเห็นลูกเป็นอย่างนี้ มันเจ็บปวด กับสิ่งที่น้องต้นทำ ........................
ผมกำลังข่มขืนลูกตัวเองอย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าผมจะรุ่นแรงกับน้องต้นได้ขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่ผมมองเห็นน้องต้น ภาพที่มีคนลวนลามน้องต้นมันมาคอยซ้อนทับให้ผมคิดถึงเสอม ทุกครั้งที่ผมจะหยุดแต่ความโกรธก็เข้ามาแทนที่ ผมอยากลบรอยพวกนั้นผมจะทำให้รอยพวกนั้นหายไปเพราะมีรอยใหม่ที่ผมทำเข้ามาแทนที่ เสียงของน้องต้นที่ครางเบาๆว่าเจ็บดังแว่วมาให้ผมได้ยิน
หยดน้ำตาที่ไหลออกมาอาบสองแก้มของน้องต้น เสียงที่ได้ยิน ภาพที่ได้เห็น ผมไม่รู้ว่าน้องต้นจะเจ็บแค่ไหนขนาดนอนหลับไม่รู้สึกตัวน้องต้นยังร้องให้ออกมา กับสิ่งที่ผมทำ
ผมนั่งดื่มเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าเพียงลำพัง ผมดื่มเพื่อที่จะให้ผมลืม ลืมว่าผมได้พบได้เห็นอะไร และเพื่อให้ลืมว่าผมได้ทำอะไรกับน้องต้นลูกชายที่ผมรักยิ่งกว่าสิ่งใด ........................
ผมไม่รู้ว่าผมดื่มไปเท่าไร ผมรู้สึกตัวอีกทีเพราะได้ยินเสียงของน้องต้นร้องดังเบาๆในห้องนอน นั่นแหละ ผมถึงได้วางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปหาน้องต้น
“คุณพ่อ” เสียงเล็กๆร้องเรียกผม อย่างตกใจ สายตาที่มองมาที่ผมมันช่างเป็นสายตาที่หวาดกลัว น้องต้นพยายามที่จะเดินหนีผม เหมือนกับว่าไม่อยากให้ผมเข้าใกล้ นั่นแหละที่ทำให้ผม ขาดสติอีกครั้งหนึ่ง
ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรกับน้องต้นบ้าง เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากน้องต้นไม่สามารถส่งผ่านความโกรธ และความเสียใจของผมได้เลย ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อร่างเล็กๆของน้องต้นอ่อนแรงแทบจะไม่หายใจ ดวงตาเบิกค้างเลื่อนลอย สองมือของผมสั่นเทาค่อยๆประคองน้องต้นขึ้นมากอด น้ำตาผมไหล “พ่อขอโทษ น้องต้นพ่อขอโทษ อือๆ” ...........................
ผมนั่งรอคุณหมอที่กำลังพยายามที่จะช่วยน้องต้น ให้มีชีวิตอยู่ ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี ผมได้แต่ร้องให้เสียใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าน้องต้นเป็นอะไรไปผมจะอยู่อย่างไร สองมือเล็กๆอีกคู่หนึ่งที่โอบกอดผมเอาไว้พลางสะอื้นให้อยู่ข้างๆผม
ผมไม่รู้ว่าจะตอบน้องโยยังไงเมื่อน้องโยถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องต้น ผมได้แต่กอดและร้องให้อยู่กับน้องโยเพียงลำพังด้วยหัวใจที่แตกสลาย ……………
ผมมองดูร่างเล็กๆของน้องต้นที่นอนอยู่บนเตียง มีสายอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด มีเพียงเสียงดังปี๊บๆ จากเครื่องตรวจจับ
ชีพจรเท่านั้น ที่ยังบ่งบอกว่าน้องต้นยังมีลมหายใจ ผมเพิ่งได้รู้ว่าน้องต้นเป็นโรคหัวใจ และมีบางสิ่งบางอย่างที่กระทบจิตใจน้องต้นอย่างรุ่นแรง จนถึงกับทำให้หัวใจล้มเหลวหยุดทำงาน สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผมจะไม่มีวันให้อภัยกับตัวเองเลยตลอดชีวิตนี้ กับสิ่งเลวร้ายที่ผมได้ทำลงไปกับเด็กเล็กๆคนหนึ่ง
วันเวลาค่อยๆผ่านเลยไป จากวันหนึ่งเป็นสองวัน สามวัน สี่วัน ห้าวัน สุดท้าย วันนี้วันที่ เจ็ดแล้วที่น้องต้นได้แต่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้สติ ผมเฝ้ารอเฝ้าคอยด้วยความหวัง และความกลัวที่มันเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ จนผมไม่เป็นอันจะกินอันจะนอน ทุกครั้งที่ผมหลับตาลงภาพต่างๆมันจะวิ่งตามมาหลอกผมจนต้องสะดุ้งตกใจตื่นแทบทุกคืน
วันนี้ผมนั่งเฝ้าน้องต้นเหมือนทุกวัน ได้ยินเสียงน้องโยร้องถามว่า “น้องต้นยังไม่ตื่นหรอครับคุณพ่อ นี้มันเจ็ดวันแล้วนะ “ นั่นสินะ เจ็ดวันแล้วที่น้องต้นไม่ยอมตื่นมาพบกับผม หยดน้ำตาของผมไหลออกมาด้วยความเสียใจ เสียงปี๊บๆ นั่นยังคงดังต่อไป แต่ผมรู้สึกว่าเสียงนั้นมันจะช้าลงและยาวนานขึ้นอย่างไรไม่รู้
เสียง ปี๊บบบบบบบบบบบบบบบบ เสียงเดียวดังขึ้น และดังยาวนานที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ฟัง เสียงนั้นมันทำเอาผมตกใจกลัวจนตกเก้าอี้ หัวใจผมเหมือนมันจะหยุดเต้น มันปวดหนึบแทบจะทนไม่ได้ ผมอยากหยุดหายใจให้มันรู้แล้วรู้รอดเพื่อจะได้ให้ผมหายเจ็บปวดกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้
เสียงคุณหมอและพยาบาล พากันวิ่งเข้ามา พากันปั้มหัวใจของน้องต้นให้กับมาเต้นอีกครั้ง ร่างเล็กๆของน้องต้นกระตกจนตัวโยนเมื่อเครื่องช่วยปั้มหัวใจถูกกดลงบนหน้าอกเล็กๆนั้น ได้โปรดเถอะได้โปรดช่วยพาผมออกจากตรงนี้ทีก่อนที่ผมจะขาดใจตามเพราะความเสียใจกับภาพที่เห็นตรงเบื้องหน้านี้
ทุกอย่างหยุดลงเมื่อคุณหมอได้ใช้เครื่องปั้มหัวใจของน้องต้นไปถึง 7 ครั้ง แต่สัญญาณชีพจรของน้องต้นก็ยังไม่กลับคืนมา
ผ้าขาวถูกนำมาคลุมร่างของน้องต้นเอาไว้ ก่อนที่หมดจะพากันทยอยเดินออกไป ผมถลาเข้าไปหาน้องต้น กอดร่างเล็กๆนั้นเอาไว้ด้วยหัวใจที่แตกสลาย “น้องต้น พ่อขอโทษ พ่อขอโทษ น้องต้น อย่าทิ้งพ่อไป กลับมา กลับมาน้องต้นกลับมาอยู่กับพ่อ อือ น้องต้น พ่อขอโทษ พ่อรักน้องต้น พ่อขอโทษน้องต้น อือๆ” ผมร้องให้สะอื้น จนแทบลืมหายใจกอดศพลูกชายเอาไว้แน่น
“ปี๊บ ... ปี๊บ...ปี๊บ...ปี๊บ...” เสียงบางอย่างดังขึ้นอีกครั้ง ผมจ้องมองหน้าน้องต้น ที่ตอนนี้มันมองดูเลือนรางเพราะน้ำตาของผมที่มันไหลออกมา เปลือกตาเล็กๆของน้องต้นขยับปรือไปมาก่อนจะค่อยๆลืมขึ้นมองหน้าผม ปากเล็กๆพยายามที่จะยิ้มแต่มันดู
อ่อนแรงจนแทบจะไม่ขยับ ก่อนที่เปลือกตานั้นจะค่อยๆหลับลงอีกครั้งหนึ่ง
“คุณหมอ คุณหมอลูกผม ลูกผม ฟื้นแล้ว ฟื้นแล้วคุณหมอ” ผมร้องตะโกนเรียกคุณหมอ ก่อนที่คุณหมอจะมาแยกผมและน้องต้นออกจากกัน ผมได้แต่ยืนดูอยู่ห่างๆ ดูคุณหมอกำลังจะช่วยชีวิตลูกชายของผมอีกครั้ง
ผ่านไปอีก 3 วันที่น้องต้นกลับมาหายใจ เปลือกตาเล็กๆที่มักเก็บซ่อนความรู้สึกต่างๆของร่างเล็กๆนั่นก็ค่อยๆลืมตาขึ้น วินาทีนั้น ผมดีใจเสียยิ่งกว่าผมได้เกิดใหม่ ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่ได้คืนดวงใจของผมกลับคืนมาหาผมอีกครั้งหนึ่ง ผมสัญญาและสาบานว่าผมจะดูแลดวงใจของผมให้ดีที่สุด ………………
" พี่โย พี่โยอยู่ไหน ทำมัยไม่มาเยี่ยมน้องต้นเลย" น้องต้นกำลังคุยโทรศัพท์กับพี่โย ที่โทรมาหาคุณพ่อ แล้วน้องต้นขอคุยด้วย
โดยมีคุณพ่อที่ยืนยิ้มๆคอยฟังอยู่ข้างๆ น้องต้นหันไปทำตาดุๆใส่คุณพ่อเป็นระยะๆ ทำมัยจะต้องมาแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ด้วยเล่า
พี่โยบอกน้องต้นว่า พี่โยไปเข้าโรงเรียนประจำที่กรุงเทพ ที่พี่โยกับคุณพ่อเคยไปดูมา พากันแอบไปตอนไหนน้องต้นก็ไม่เข้าใจไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย
ทั้งๆที่พี่โยไม่อยากจะไปแต่คุณพ่อก็อยากให้ไป จนสุดท้ายพี่โยก็ตัดสินใจที่จะไปเรียนที่กรุงเทพ พี่โยแอบบอกน้องต้นว่า พี่โยกลัวน้องต้นจะตายเลยไม่กล้า
ที่จะอยู่จนน้องต้นฟื้นเลยแอบหนีไปคนเดียว น้องต้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าทำมัยตัวเองถึงมานอนอยู่โรงบาลได้
พอฟื้นขึ้นมาอีกที ก็เจอคุณพ่อร้องห่มร้องให้จะเป็นจะตายอยู่ข้างๆ น้องต้นจำได้เพียงแค่ว่าก่อนนั้นน้องต้นกับคุณพ่อมีอะไรกันคุณพ่อกำลังโกรธแล้วทำน้องต้นแรงๆ
จนน้องต้นเจ็บไปหมด จากนั้นก็มาอยู่ที่นี้ แต่ตามตัวของน้องต้นตอนนี้ไม่เจ็บอะไรเลยครับ เหมือนกับว่าคุณพ่อไม่เคยทำอะไรเจ็บๆให้น้องต้นเลย
แต่ว่าตอนนี้น้องต้นรำคาญคุณพ่อมากๆเลยครับ ก็คุณพ่ออะ ขนาดพี่โยแแอบหนีไปเรียนที่กรุงเทพแทนที่จะเสียใจมั่งก็ไม่มี เอาแต่มานั้งจ้องน้องต้น
จ้องไปยิ้มไปยังไม่พอบางทีอยู่ดีๆก็เข้ามากอดเข้ามาจูบ ปากก็พร่ำบอกน้องต้นว่า "คุณพ่อรักน้องต้น รักที่สุดเลย อยู่กับคุณพ่อนะ คุณพ่อขอโทษ" อะไรแบบนี้
จนบางทีน้องต้นยังแอบกลัวๆคุณพ่อเลยว่าคุณพ่อเป็นอะไร ถึงได้ทำท่าทางแปลกๆแบบนั้นอยู่ได้ทั้งวัน งานการก็ไม่ยอมไปทำ
ต่อไปต้องเหงาแน่ๆเลยก็พี่โยไม่อยู่แล้ว คงต้องอยู่คนเดียวกับคุณพ่อสองคน ไม่มีเพื่อนเล่นแน่ๆเลย แล้วน้องต้นจะทำยังไงดีน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น