คุณ พ่อ
ตื่นแล้ว”
สิ่งแรกที่ผมพื้นขึ้นมารับรู้คือเสียง ใสๆของน้องพล ลูกชายของผม
น้องพลยิ้มมาให้และโอบกอดผมเอาไว้แน่น
“น้องพล ไม่เป็นไรนะลูก ปลอดภัยนะ ไม่เป็นไรนะ” เสียงของผมสั่นเครือ จับลูกชายหมุนหน้าหมุนหลังสำรวจร่างกายของลูกดูว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง ก่อนจะพบว่าน้องพลปลอดภัยดีทุกอย่างไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย
“คนอื่นไปไหนหมดละ ทำมัยบ้านเงียบอย่างนี้ละพล” ผมถามลูกชายไป เพราะรอบๆบ้านไร้วี่แววผู้คน
ลูกชายของผมนั่งก้มหน้านิ่ง ก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้ผมได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“คุณปู่กับคุณย่า พาพี่ ตะวันไปฝังที่ป่าช้า แล้วก็กลับมาเก็บเสื้อผ้าและก็ฝากผมบอกคุณพ่อว่าจะไปบวชไม่ต้องตามไปแล้วคุณปู่กับคุณย่าก็เดินไปเลย ผมเดินตามไปแต่ก็โดนดุให้กลับมาดูพ่อ คุณปู่กับคุณย่าร้องให้จนตาบวมเลย”
น้องพลเล่าให้ผมฟัง ซึ่งผมเองก็ตกใจเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจพ่อกับแม่ ท่านคงจะทำใจไม่ได้และตัดสินใจออกบวช
“งันเราก็กลับไปที่บ้านเราก่อนแล้วกันนะ ลูกกินข้าวรึยัง” ผมถามน้องพล ซึ่งน้องพลก็ส่ายหัวบอกกับผมว่า
“ไม่มีใครอยู่แล้ว แล้วก็ไม่มีใครทำกับข้าวด้วย ผมพยายามทำเองแล้วแต่ทำไม่เป็น ไม่มีอาหารสดเหลือเลย ไข่ก้ไม่มีปลาในโอ่งก็ไม่มี เหลือไก่ สามตัวผมไม่กล้าจับมันมาฆ่า”
หลังจากได้ฟังคำตอบจากลุกชาย ผมก็ยิ้มให้ และบอกว่า “เดียวกลับไปพ่อจับไก่มาแกงให้กินดีมัย”
น้องพลยิ้มร่าก่อนจะพยักหน้าตอบรับ
ตลอดการเดินทางกลับมาที่บ้าน ผมไม่เจอผู้คนเลยสักคน จนอดแปลกใจไม่ไหว
“คนอื่นไปไหนกันหมด ยังกะหมู่บ้านร้างเลย “ ผมบ่นออกมาเพราะบรรยากาศมันแปลกๆ
“เขาไปกันหมดแล้ว ตั้งแต่เมื่อวาน” น้องพลบอกกับผม ทำให้ผมหันไปมองด้วยความแปลกใจ
“ทุกคนไปไหนน้องพล” ผมเอ่ยถามน้องพล สักรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาแล้วสิ
น้องผลหันมามองหน้าผม และตอบออกมาว่า
“มีคนมาบอกว่า มีสารพิษจากโรงงานรั่วออกมา ทำให้เกิดการปนเปื้อนทั้งในน้ำและในอากาศ แล้วเขาก็ให้ทุกคนออกไปหมดแล้ว” น้องผลพูดกับผมและก้มหน้านิ่ง
“คนอื่นเขาไม่มาช่วยน้องพลหรอ” ผมถามน้องพลไป
น้องพลตอบกลับมาว่า “ก็เขาไม่ยอมพาคุณพ่อไปด้วย ผมก็เลยไม่ยอมไป เขาบอกว่า ไม่มีรถ แล้วก็ปลุกคุณพ่อแล้วคุณพ่อก็ไม่ตื่น ผมก็เลยรออยู่กับคุณพ่อ เขาก็บอกว่าให้บอกคุณพ่อถ้าคุณพ่อตื่นแล้วให้รีบออกไปจากหมู่บ้านด้วย”
“คุณพ่อครับ เราก็รีบไปจากที่นี้เถอะครับ ผมไม่หิวข้าวแล้ว เดียวคุณพ่อจะไม่สบาย” น้องผลบอกกับผม ทำให้ผมยิ้มและบอกน้องพลไปว่า “คุณพ่อแข็งแรงออก ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก เดียวเราไปเก็บของแล้วก็หาอะไรกินแล้วคุณพ่อจะพาน้องพลไปสมทบกับคนอื่นๆนะ” ผมบอกกับลูกชาย และเอามือตบหลังน้องพลเบาๆ แต่ลูกชายผมถึงกับสะดุ้งทันที
“น้องพลเป็นอะไรรึเปล่า” ผมเองก็ตกใจรีบถามน้องพลทันที น้องพลไม่ตอบแต่พยายามที่จะพาผมเดินกลับบ้านต่อ
ผมค่อยๆเปิดเสื้อของน้องพลขึ้น ก่อนจะหน้าซีด ผิวหนังที่แผ่นหลังของน้องพล เกิดตุ่มเป็นผืนหนาไปทั่วทั้งตัวเลย
“น้องพล เป็นอะไร” ผมรีบถามน้องพลทันที เพราะเกิดมาผมก็ยังไม่เคยเจอผื่นอะไรที่รุนแรงขนาดนี้
“มันเป็นเอง คนอื่นๆก็เป็น ตอนแรกมันก็แค่คันๆพอเกามันมันก็ใหญ่ขึ้นๆ มีบางคนมันพองออกแตกเป็นหนองเลย เมื่อวานผมก็เห็น ไอ้ดล มันเป็นตุ่มหนองเต็มตัวเลย”
น้องพลบอกกับผม และยังพยายามที่จะยิ้มมาให้ น้องพลคงจะเจ็บปวดและทรมานมากแต่ก็อดทน
“พ่อขอโทษ พ่อจะพาลูกไปหาหมอ ลูกต้องหาย พ่อจะไม่ยอมให้ลูกเป็นอะไรเด็ดขาด” ผมบอกกับลูกชายก่อนจะพาน้องพลรีบเดินกลับบ้าน
ข้าวของหลายอย่างถูกเก็บลงกระเป๋าเดินทาง เท่าที่จำเป็นและพวกอาหารเท่าที่จะหาได้ ไม่ถึง 15 นาที ผมก็ให้น้องพลนั่งรถเข็น พร้อมๆกับข้าวของอื่นๆ เพราะจะให้ลูกเดินด้วยเท้าอาการคงทรุดหนักแน่ๆ จะต้องมีใครสักคนที่จะชวยเราได้ อาจจะเจอใครสักคนระหว่างทางจะได้ขอติดรถออกไปได้
รถเข็นคันเล็กเริ่มเคลื่อนออกจากหมู่บ้าน เป็นระยะทางหายกิโล แต่ยังไร้วี่แววผู้คน ตอนนี้ ร่างกายของผมเริ่มมีอาการแปลกเกิดขึ้นแล้ว เหงื่อที่ไหลออกมาโดนผิวหนังเริ่มแดงเป็นผื่น ยิ่งเสียดสียิ่งลุกรามใหญ่ขึ้น ลำคอของผมแห้งผาก แทบจะเป็นผงอยู่แล้ว ร่างกายตรงส่วนไหนที่โดนน้ำจะเกิดผื่นขึ้นทันที น้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปเพื่อดับกระหายกับทำให้ผื่นขึ้นในลำคอจนแสบไปหมด ผมมองดูน้องพล ที่นอนอยู่บนรถเข็น แม้จะทรมานจนตายผมก็จะพาลูกผมไปหาหมอให้ได้
แสงตะวันอยู่บนท้องฟ้าที่สาดส่องลงมา จนทำตาดวงตาพร่าเลือน หัวสมองหมุนคว้างไปมา แม้จะทรมานแทบตาย ร่างกายแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แม้ใกล้จะหมดสติ แต่ใจของผมก็ยังไม่ท้อผมจะต้องรีบพาลูกของผมไปส่งที่โรงพยาบาลก่อน สองเท้ายังคงก้าวเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆตามจิตใจที่ยังสั่งการให้ร่ายกายเคลื่อนไหว ในความรู้สึกร่ายกายกำลังเดินต่อไปข้างหน้ามองเห็นความหวังอยู่ไม่ไกลเกินเอือมลูกกำลังจะไปถึงโรงพยาบาล แต่ในความเป็นจริง ร่างกายหยุดการเคลื่อนไหวแล้ว และค่อยๆทรุดลงไปข้างหน้าล้มลงข้างๆรถเข็น ที่มีคนสำคัญอีกคนนอนรอการช่วยเหลืออยู่
บนถนนกว้างที่ไร้วี่แววของผู้คนกลับมีร่างของเด็กชายคนหนึ่งและผู้ใหญ่อีกคนนอนแน่นิ่งอยู่บนถนน .....................นั้น
สิ่งแรกที่ผมพื้นขึ้นมารับรู้คือเสียง ใสๆของน้องพล ลูกชายของผม
น้องพลยิ้มมาให้และโอบกอดผมเอาไว้แน่น
“น้องพล ไม่เป็นไรนะลูก ปลอดภัยนะ ไม่เป็นไรนะ” เสียงของผมสั่นเครือ จับลูกชายหมุนหน้าหมุนหลังสำรวจร่างกายของลูกดูว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง ก่อนจะพบว่าน้องพลปลอดภัยดีทุกอย่างไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย
“คนอื่นไปไหนหมดละ ทำมัยบ้านเงียบอย่างนี้ละพล” ผมถามลูกชายไป เพราะรอบๆบ้านไร้วี่แววผู้คน
ลูกชายของผมนั่งก้มหน้านิ่ง ก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้ผมได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“คุณปู่กับคุณย่า พาพี่ ตะวันไปฝังที่ป่าช้า แล้วก็กลับมาเก็บเสื้อผ้าและก็ฝากผมบอกคุณพ่อว่าจะไปบวชไม่ต้องตามไปแล้วคุณปู่กับคุณย่าก็เดินไปเลย ผมเดินตามไปแต่ก็โดนดุให้กลับมาดูพ่อ คุณปู่กับคุณย่าร้องให้จนตาบวมเลย”
น้องพลเล่าให้ผมฟัง ซึ่งผมเองก็ตกใจเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจพ่อกับแม่ ท่านคงจะทำใจไม่ได้และตัดสินใจออกบวช
“งันเราก็กลับไปที่บ้านเราก่อนแล้วกันนะ ลูกกินข้าวรึยัง” ผมถามน้องพล ซึ่งน้องพลก็ส่ายหัวบอกกับผมว่า
“ไม่มีใครอยู่แล้ว แล้วก็ไม่มีใครทำกับข้าวด้วย ผมพยายามทำเองแล้วแต่ทำไม่เป็น ไม่มีอาหารสดเหลือเลย ไข่ก้ไม่มีปลาในโอ่งก็ไม่มี เหลือไก่ สามตัวผมไม่กล้าจับมันมาฆ่า”
หลังจากได้ฟังคำตอบจากลุกชาย ผมก็ยิ้มให้ และบอกว่า “เดียวกลับไปพ่อจับไก่มาแกงให้กินดีมัย”
น้องพลยิ้มร่าก่อนจะพยักหน้าตอบรับ
ตลอดการเดินทางกลับมาที่บ้าน ผมไม่เจอผู้คนเลยสักคน จนอดแปลกใจไม่ไหว
“คนอื่นไปไหนกันหมด ยังกะหมู่บ้านร้างเลย “ ผมบ่นออกมาเพราะบรรยากาศมันแปลกๆ
“เขาไปกันหมดแล้ว ตั้งแต่เมื่อวาน” น้องพลบอกกับผม ทำให้ผมหันไปมองด้วยความแปลกใจ
“ทุกคนไปไหนน้องพล” ผมเอ่ยถามน้องพล สักรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาแล้วสิ
น้องผลหันมามองหน้าผม และตอบออกมาว่า
“มีคนมาบอกว่า มีสารพิษจากโรงงานรั่วออกมา ทำให้เกิดการปนเปื้อนทั้งในน้ำและในอากาศ แล้วเขาก็ให้ทุกคนออกไปหมดแล้ว” น้องผลพูดกับผมและก้มหน้านิ่ง
“คนอื่นเขาไม่มาช่วยน้องพลหรอ” ผมถามน้องพลไป
น้องพลตอบกลับมาว่า “ก็เขาไม่ยอมพาคุณพ่อไปด้วย ผมก็เลยไม่ยอมไป เขาบอกว่า ไม่มีรถ แล้วก็ปลุกคุณพ่อแล้วคุณพ่อก็ไม่ตื่น ผมก็เลยรออยู่กับคุณพ่อ เขาก็บอกว่าให้บอกคุณพ่อถ้าคุณพ่อตื่นแล้วให้รีบออกไปจากหมู่บ้านด้วย”
“คุณพ่อครับ เราก็รีบไปจากที่นี้เถอะครับ ผมไม่หิวข้าวแล้ว เดียวคุณพ่อจะไม่สบาย” น้องผลบอกกับผม ทำให้ผมยิ้มและบอกน้องพลไปว่า “คุณพ่อแข็งแรงออก ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก เดียวเราไปเก็บของแล้วก็หาอะไรกินแล้วคุณพ่อจะพาน้องพลไปสมทบกับคนอื่นๆนะ” ผมบอกกับลูกชาย และเอามือตบหลังน้องพลเบาๆ แต่ลูกชายผมถึงกับสะดุ้งทันที
“น้องพลเป็นอะไรรึเปล่า” ผมเองก็ตกใจรีบถามน้องพลทันที น้องพลไม่ตอบแต่พยายามที่จะพาผมเดินกลับบ้านต่อ
ผมค่อยๆเปิดเสื้อของน้องพลขึ้น ก่อนจะหน้าซีด ผิวหนังที่แผ่นหลังของน้องพล เกิดตุ่มเป็นผืนหนาไปทั่วทั้งตัวเลย
“น้องพล เป็นอะไร” ผมรีบถามน้องพลทันที เพราะเกิดมาผมก็ยังไม่เคยเจอผื่นอะไรที่รุนแรงขนาดนี้
“มันเป็นเอง คนอื่นๆก็เป็น ตอนแรกมันก็แค่คันๆพอเกามันมันก็ใหญ่ขึ้นๆ มีบางคนมันพองออกแตกเป็นหนองเลย เมื่อวานผมก็เห็น ไอ้ดล มันเป็นตุ่มหนองเต็มตัวเลย”
น้องพลบอกกับผม และยังพยายามที่จะยิ้มมาให้ น้องพลคงจะเจ็บปวดและทรมานมากแต่ก็อดทน
“พ่อขอโทษ พ่อจะพาลูกไปหาหมอ ลูกต้องหาย พ่อจะไม่ยอมให้ลูกเป็นอะไรเด็ดขาด” ผมบอกกับลูกชายก่อนจะพาน้องพลรีบเดินกลับบ้าน
ข้าวของหลายอย่างถูกเก็บลงกระเป๋าเดินทาง เท่าที่จำเป็นและพวกอาหารเท่าที่จะหาได้ ไม่ถึง 15 นาที ผมก็ให้น้องพลนั่งรถเข็น พร้อมๆกับข้าวของอื่นๆ เพราะจะให้ลูกเดินด้วยเท้าอาการคงทรุดหนักแน่ๆ จะต้องมีใครสักคนที่จะชวยเราได้ อาจจะเจอใครสักคนระหว่างทางจะได้ขอติดรถออกไปได้
รถเข็นคันเล็กเริ่มเคลื่อนออกจากหมู่บ้าน เป็นระยะทางหายกิโล แต่ยังไร้วี่แววผู้คน ตอนนี้ ร่างกายของผมเริ่มมีอาการแปลกเกิดขึ้นแล้ว เหงื่อที่ไหลออกมาโดนผิวหนังเริ่มแดงเป็นผื่น ยิ่งเสียดสียิ่งลุกรามใหญ่ขึ้น ลำคอของผมแห้งผาก แทบจะเป็นผงอยู่แล้ว ร่างกายตรงส่วนไหนที่โดนน้ำจะเกิดผื่นขึ้นทันที น้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปเพื่อดับกระหายกับทำให้ผื่นขึ้นในลำคอจนแสบไปหมด ผมมองดูน้องพล ที่นอนอยู่บนรถเข็น แม้จะทรมานจนตายผมก็จะพาลูกผมไปหาหมอให้ได้
แสงตะวันอยู่บนท้องฟ้าที่สาดส่องลงมา จนทำตาดวงตาพร่าเลือน หัวสมองหมุนคว้างไปมา แม้จะทรมานแทบตาย ร่างกายแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แม้ใกล้จะหมดสติ แต่ใจของผมก็ยังไม่ท้อผมจะต้องรีบพาลูกของผมไปส่งที่โรงพยาบาลก่อน สองเท้ายังคงก้าวเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆตามจิตใจที่ยังสั่งการให้ร่ายกายเคลื่อนไหว ในความรู้สึกร่ายกายกำลังเดินต่อไปข้างหน้ามองเห็นความหวังอยู่ไม่ไกลเกินเอือมลูกกำลังจะไปถึงโรงพยาบาล แต่ในความเป็นจริง ร่างกายหยุดการเคลื่อนไหวแล้ว และค่อยๆทรุดลงไปข้างหน้าล้มลงข้างๆรถเข็น ที่มีคนสำคัญอีกคนนอนรอการช่วยเหลืออยู่
บนถนนกว้างที่ไร้วี่แววของผู้คนกลับมีร่างของเด็กชายคนหนึ่งและผู้ใหญ่อีกคนนอนแน่นิ่งอยู่บนถนน .....................นั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น