ตอนนี้คนเขียนให้กลับมาตอนน้องต้นโตแล้วนะครับ (คนเขียนแต่งวนไปวนมา
อ่านงงๆเหมือนกัน)
"คุณพ่อ น้าบัวไม่กลับมาเล่นกับน้องพลแล้วใช่มัย ทำมัยต้องเผาน้าบัวด้วย นองพลคิดถึงน้าบัวจัง"
เสียงเล็กๆของน้องพลที่บอกกับผม ใช่ ทำมัยคนดีๆอย่างพี่บัวต้องมาด่วนจากพวกเราไป
เมื่อวานพี่บัวไปนอนที่กระท่อมปลายนา จนสายตะวันเกือบตกดินก็ยังไม่กลับ พ่อแสงเลยออกไปตามแต่ก็พบพี่บัวนอนแข็ง
ตายอยู่บนกระท่อมแล้ว พ่อแสงบอกว่าพี่บัวโดนงูพิษกัด เพราะพ่อแสงเจองูในผ้าห่มของพี่บัว
การจากไปของพี่บัวทำให้ผมเศร้าใจมาก เพราะพี่บัวคือคนที่ผมรักมากที่สุดคนหนึ่ง พี่บัวเป็นคนสอนหลายๆสิ่งอย่างๆอย่างให้กับผม
ควันไปที่ลอยออกจากเมรุเผาศพ พัดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าช่วยส่งดวงวิญญาณของพี่บัวไปสู่สวรรค์
"น้องพลเรากลับบ้านกันเถอะไปดูย่าจันทร์กับปู่แสงกันนะ" ผมบอกน้องพลแล้วก็อุ้มขึ้นมากอดก่อนจะเดินจากพี่บัวเพื่อกลับบ้าน
"แม่ เป็นไงบ้าง อย่าเสียใจมากเลยนะพี่บัวเขาไปสบายแล้วแม่" ผมพยายามบอกกับแม่ที่ไม่สะบายจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อเพราะ
ทำใจไม่ได้กับการจากไปของพี่บัว พ่อแสงนั้งอยู่ข้างๆแม่ ผมได้แต่มองตาพ่อ ผมก็เข้าใจแล้วว่า พ่อแสงเสียใจมากขนาดไหนกับการจากไปของพี่บัว
แต่เพราะพ่อเป็นผู้ชายจึงต้องเข้มแข็ง จะมาร้องให้เสียใจให้ใครๆเห็นไม่ได้โดยเฉพาะแม่จันทร์ พ่อต้องเข็มแข็ง
และเป็นหลักให้แม่จันทร์สู้ต่อไป
"คืนนี้ผมจะนอนที่นี้เป็นเพื่อนพ่อกับแม่นะ" ผมใสฐานะลูกชายคนเล็กของบ้าน เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย
"ขอบใจลูกมากต้นที่ยังไม่ทิ้งพ่อกับแม่ไป ขอบใจลูกจริงๆ" น้ำตาของพ่อแสงไหลออกมาทำให้ผมจุกแทบหายใจไม่ออก ตั้งแต่เล็กจนโต ผมไม่เคยได้เห็น
น้ำตาของพ่อเลยสักครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พ่อร้องให้ออกมาให้ผมเห็น
"พ่อ พ่อมีอะไรอีกมัยบอกผมมาเถอะผมอาจช่วยได้" ผมไม่รู้ว่าทำมัยอะไรคือสิ่งที่ครอบครัวของผมต้องสูญเสียไปในครั้งนี้บ้าง เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของผมกัน
มือของพ่อสั่นน้อยๆ ก่อนจะยื่นจดหมายมาให้ผมเปิดอ่าน
"เมื่อไหร่พ่อ พี่บัวไปกู้เงินมากขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่และเอาไปทำอะไรทำมัยผมไม่รู้เลย" ผมพยายามที่จะถามแต่พ่อกับแม่ก็ไม่รู้ว่าพี่บัวไปติดหนี้เขาเมื่อไหร่ถึงได้มากมายขนาดนี้
เงินล้านหนึ่งจะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่าย แค่เรื่องพี่บัวจากไปก็เสียใจมากพออยู่แล้วแล้วเรื่องหนี้สินที่พี่บัวเอาทั้งบ้านทั้งนาไปจำนำจำนองพวกนี้อีก จะทำยังไงดี
"พ่อ พ่อ น้าบัวติดหนี้เท่าไหร่ ผมมีสร้อยนะ ผมให้พ่อเอาไปขาย" น้องพลสะกิดผมเบาๆก่อนจะยื่นสร้อยคอทองคำ เส้นหนึ่งส่งมาให้
"น้องพลไปเอาสร้อยมาจากไหน"ผมถามรู้เสียงเครียส เพราะผมไม่มีปัญญาชื้อของแบบนี้ให้ลูกหรอก
"คุณปู่พลให้มาตอนที่ไปรับทุนแต่ผมไม่กล้าใส่กลัวพ่อดุ" น้องพลพูดพลางก้มหน้า ทำให้ผมต้องอุ้มลูกขึ้นมานั่งตักและกอดปลอบใจ
"คุณปู่ให้มาน้องพลก็เก็บไว้เถอะคุณพ่อไม่เอาหรอกเผื่อสักวันมันจะมีประโยชน์กับลูกมากกว่าที่จะมาเสียมันไปตอนนี้"
ผมบอกกับน้องพล พลางคิดหาวิธีหาเงินที่จะมาช่วยพ่อกับแม่ ไถ่บ้านกับที่นา เงินล้านหนึ่งผมจะไปหามาจากที่ไหน คิดแล้วก็ได้แต่กลุ้มใจ
ผมมายืนอยู่หน้าโรงงานที่กำลังก่อสร้างเพื่อพบกับใครสักคน คนที่จะช่วยพ่อกับแม่ได้
"เอ้อ" ผมถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปในสำนักงานที่ก่อสร้างเสร็จแล้วด้านหน้า
"เอ่อ ขอโทษครับ ผมขอพบคุณ อรรถพล ไม่ทราบว่าท่านอยู่รึเปล่า" ผมเดินไปถามประชาสัมพันธ์คนสวยที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
เธอหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนจะ วางสายไปและพาผมไปยังห้องของท่านประธาน
"ขอโทษค่ะ มีคนมาขอพบค่ะท่าน" เมื่อมาถึงหน้าห้องเธอเคาะประตูก่อนจะเอ่ยบอกคนข้างในห้องให้ได้รับรู้
"เชิญเข้ามาได้" เสียงตอบรับจากข้างในก่อนที่เธอจะเปิดประตูให้ผมเข้าไป
ภายในห้อง มีคุณพ่อ และเลขาสาวสวยกับ ผู้ชายอีกคนหนึ่งกำลังนั่งคุยกันอยู่ มีกองเอกสารวางไว้เต็มโต๊ะที่ทั้งสามคนกำลังประชุมกัน
พอคุณพ่อเจอผมทำก็ทำท่าทางตกใจรีบเก็บของบนโต๊ะ สงสัยจะเป็นเอกกระสารสำคัญ
"น้องต้น มาได้ไงเนี้ย มานั่งนี้ก่อนสิลูกมา" คุณพ่อเชิญผมไปนั่งที่โต๊ะหลังจากที่เก็บของหมดแล้ว
ผมได้แต่นั่งเงียบ จนคุณพ่อต้องถาม
"มาหาพ่อมีอะไรรึเปล่าน้องต้น" ผมเงยหน้ามองคุณพ่อ ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา ว่า
"คือ ผม มีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อหน่อยครับ คือ " ผมตอบไม่ได้แต่ยื่นเอกสารทั้งหมดให้พ่อดู
"อืมได้สิ พ่อช่วยได้ แต่ พ่อให้ยืมแล้ว น้องต้นกลับไปที่เมืองไทยกับพ่อสักปีหนึ่งนะ ถ้าตกลงพ่อจะให้ บังอรเอาเงินให้"
อืม คิดเอาไว้แล้วว่าคงไม่ได้มาฟรีๆ แต่กลับไปแค่ปีเดียวเอง คงไม่เป็นไรมัง ก็เงินตั้งล้านหนึ่งใครเขาจะให้กันฟรีๆ
ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้ซะอีก เอาเถอะเพื่อตอบแทนพ่อแสงกับแม่จันทร์
"ก็ได้ครับ น้องต้นจะกลับไปที่เมืองไทยกับคุณพ่อ ปีหนึ่ง" ผมตอบคุณพ่อไป ทำให้คุรพ่อยิ้ม และเดินเข้ามากอดผมเอาไว้แน่น
"ขอบใจลูก ขอบใจที่ยอมกลับไปกับพ่อ แม้จะแค่ปีเดียวสำหรับพ่อแค่นี้ก็พอแล้วลูก" เสียงคุณพ่อสั่นเครือ ก่อนจะปล่อยผมจากอ้อมกอดของท่าน
ผมเดินตัวลอยๆออกมาจากโรงงานของคุณพ่อที่กำลังจะก่อสร้าง ในมือถือเช็คเงินสดจำนวน หนึ่งล้านบาทในมือเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
ผมมีเวลาอีกแค่สองวันก็ต้องตามพ่อกลับไปที่เมืองไทยแล้ว ไม่รู้จะบอกเรื่องนี้ กับพ่อแสงและแม่จันทร์ยังไงดี
แต่อย่างน้อยผมก็ได้บ้านได้นากลับมาให้พ่อกับแม่
"แม่ พ่อเกิดอะไรขึ้น" ผมรีบวิ่งเข้าไปหาเพราะที่บ้านเหมือนจะเกิดเรื่อง
"ต้น ลูกแม่"เสียงแม่ร้องออกมาร้องให้แทบขาดใจตาย" ข้างๆแม่มีร่างของพี่ตะวันนอนนิ่งอยู่ตามตัวมีแต่ลอยเลือด เต็มไปหมด
ผมแทบทรุดลงกับพื้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
"พ่อเกิดอะไรขึ้น" ผมถามพ่อที่ยังดูจะมีสติอยู่บ้าง
"ตะวันมันโดนวัยรุ่นบ้านอื่นลุมตีเอาตอนที่ไปตลาดนัดกับไอ้พล" พ่อบอกกับผม
แล้วลูกชายผมละอยู่ไหน ผมมองหาน้องพล แต่ไม่เจอ
"พ่อพลละพลอยู่ไหน" ผมเค้นเสียงพูดออกมาในใจกลัวจนไม่รู้จะกลัวยังไงดี
นิ้วมือของพ่อค่อยๆชี้ไปยังร่างอีกร่างหนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ผมยืนอยุ่เท่าไหร่ ร่างของลูกผมน้องพล
นอนนิ่งอยู่บนนที่นอน ที่ปูเอาไว้ มีผ้าห่มสีขาวห่มคลุมอยู่
"คุณพ่อ น้าบัวไม่กลับมาเล่นกับน้องพลแล้วใช่มัย ทำมัยต้องเผาน้าบัวด้วย นองพลคิดถึงน้าบัวจัง"
เสียงเล็กๆของน้องพลที่บอกกับผม ใช่ ทำมัยคนดีๆอย่างพี่บัวต้องมาด่วนจากพวกเราไป
เมื่อวานพี่บัวไปนอนที่กระท่อมปลายนา จนสายตะวันเกือบตกดินก็ยังไม่กลับ พ่อแสงเลยออกไปตามแต่ก็พบพี่บัวนอนแข็ง
ตายอยู่บนกระท่อมแล้ว พ่อแสงบอกว่าพี่บัวโดนงูพิษกัด เพราะพ่อแสงเจองูในผ้าห่มของพี่บัว
การจากไปของพี่บัวทำให้ผมเศร้าใจมาก เพราะพี่บัวคือคนที่ผมรักมากที่สุดคนหนึ่ง พี่บัวเป็นคนสอนหลายๆสิ่งอย่างๆอย่างให้กับผม
ควันไปที่ลอยออกจากเมรุเผาศพ พัดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าช่วยส่งดวงวิญญาณของพี่บัวไปสู่สวรรค์
"น้องพลเรากลับบ้านกันเถอะไปดูย่าจันทร์กับปู่แสงกันนะ" ผมบอกน้องพลแล้วก็อุ้มขึ้นมากอดก่อนจะเดินจากพี่บัวเพื่อกลับบ้าน
"แม่ เป็นไงบ้าง อย่าเสียใจมากเลยนะพี่บัวเขาไปสบายแล้วแม่" ผมพยายามบอกกับแม่ที่ไม่สะบายจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อเพราะ
ทำใจไม่ได้กับการจากไปของพี่บัว พ่อแสงนั้งอยู่ข้างๆแม่ ผมได้แต่มองตาพ่อ ผมก็เข้าใจแล้วว่า พ่อแสงเสียใจมากขนาดไหนกับการจากไปของพี่บัว
แต่เพราะพ่อเป็นผู้ชายจึงต้องเข้มแข็ง จะมาร้องให้เสียใจให้ใครๆเห็นไม่ได้โดยเฉพาะแม่จันทร์ พ่อต้องเข็มแข็ง
และเป็นหลักให้แม่จันทร์สู้ต่อไป
"คืนนี้ผมจะนอนที่นี้เป็นเพื่อนพ่อกับแม่นะ" ผมใสฐานะลูกชายคนเล็กของบ้าน เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย
"ขอบใจลูกมากต้นที่ยังไม่ทิ้งพ่อกับแม่ไป ขอบใจลูกจริงๆ" น้ำตาของพ่อแสงไหลออกมาทำให้ผมจุกแทบหายใจไม่ออก ตั้งแต่เล็กจนโต ผมไม่เคยได้เห็น
น้ำตาของพ่อเลยสักครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พ่อร้องให้ออกมาให้ผมเห็น
"พ่อ พ่อมีอะไรอีกมัยบอกผมมาเถอะผมอาจช่วยได้" ผมไม่รู้ว่าทำมัยอะไรคือสิ่งที่ครอบครัวของผมต้องสูญเสียไปในครั้งนี้บ้าง เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของผมกัน
มือของพ่อสั่นน้อยๆ ก่อนจะยื่นจดหมายมาให้ผมเปิดอ่าน
"เมื่อไหร่พ่อ พี่บัวไปกู้เงินมากขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่และเอาไปทำอะไรทำมัยผมไม่รู้เลย" ผมพยายามที่จะถามแต่พ่อกับแม่ก็ไม่รู้ว่าพี่บัวไปติดหนี้เขาเมื่อไหร่ถึงได้มากมายขนาดนี้
เงินล้านหนึ่งจะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่าย แค่เรื่องพี่บัวจากไปก็เสียใจมากพออยู่แล้วแล้วเรื่องหนี้สินที่พี่บัวเอาทั้งบ้านทั้งนาไปจำนำจำนองพวกนี้อีก จะทำยังไงดี
"พ่อ พ่อ น้าบัวติดหนี้เท่าไหร่ ผมมีสร้อยนะ ผมให้พ่อเอาไปขาย" น้องพลสะกิดผมเบาๆก่อนจะยื่นสร้อยคอทองคำ เส้นหนึ่งส่งมาให้
"น้องพลไปเอาสร้อยมาจากไหน"ผมถามรู้เสียงเครียส เพราะผมไม่มีปัญญาชื้อของแบบนี้ให้ลูกหรอก
"คุณปู่พลให้มาตอนที่ไปรับทุนแต่ผมไม่กล้าใส่กลัวพ่อดุ" น้องพลพูดพลางก้มหน้า ทำให้ผมต้องอุ้มลูกขึ้นมานั่งตักและกอดปลอบใจ
"คุณปู่ให้มาน้องพลก็เก็บไว้เถอะคุณพ่อไม่เอาหรอกเผื่อสักวันมันจะมีประโยชน์กับลูกมากกว่าที่จะมาเสียมันไปตอนนี้"
ผมบอกกับน้องพล พลางคิดหาวิธีหาเงินที่จะมาช่วยพ่อกับแม่ ไถ่บ้านกับที่นา เงินล้านหนึ่งผมจะไปหามาจากที่ไหน คิดแล้วก็ได้แต่กลุ้มใจ
ผมมายืนอยู่หน้าโรงงานที่กำลังก่อสร้างเพื่อพบกับใครสักคน คนที่จะช่วยพ่อกับแม่ได้
"เอ้อ" ผมถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปในสำนักงานที่ก่อสร้างเสร็จแล้วด้านหน้า
"เอ่อ ขอโทษครับ ผมขอพบคุณ อรรถพล ไม่ทราบว่าท่านอยู่รึเปล่า" ผมเดินไปถามประชาสัมพันธ์คนสวยที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
เธอหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนจะ วางสายไปและพาผมไปยังห้องของท่านประธาน
"ขอโทษค่ะ มีคนมาขอพบค่ะท่าน" เมื่อมาถึงหน้าห้องเธอเคาะประตูก่อนจะเอ่ยบอกคนข้างในห้องให้ได้รับรู้
"เชิญเข้ามาได้" เสียงตอบรับจากข้างในก่อนที่เธอจะเปิดประตูให้ผมเข้าไป
ภายในห้อง มีคุณพ่อ และเลขาสาวสวยกับ ผู้ชายอีกคนหนึ่งกำลังนั่งคุยกันอยู่ มีกองเอกสารวางไว้เต็มโต๊ะที่ทั้งสามคนกำลังประชุมกัน
พอคุณพ่อเจอผมทำก็ทำท่าทางตกใจรีบเก็บของบนโต๊ะ สงสัยจะเป็นเอกกระสารสำคัญ
"น้องต้น มาได้ไงเนี้ย มานั่งนี้ก่อนสิลูกมา" คุณพ่อเชิญผมไปนั่งที่โต๊ะหลังจากที่เก็บของหมดแล้ว
ผมได้แต่นั่งเงียบ จนคุณพ่อต้องถาม
"มาหาพ่อมีอะไรรึเปล่าน้องต้น" ผมเงยหน้ามองคุณพ่อ ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา ว่า
"คือ ผม มีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อหน่อยครับ คือ " ผมตอบไม่ได้แต่ยื่นเอกสารทั้งหมดให้พ่อดู
"อืมได้สิ พ่อช่วยได้ แต่ พ่อให้ยืมแล้ว น้องต้นกลับไปที่เมืองไทยกับพ่อสักปีหนึ่งนะ ถ้าตกลงพ่อจะให้ บังอรเอาเงินให้"
อืม คิดเอาไว้แล้วว่าคงไม่ได้มาฟรีๆ แต่กลับไปแค่ปีเดียวเอง คงไม่เป็นไรมัง ก็เงินตั้งล้านหนึ่งใครเขาจะให้กันฟรีๆ
ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้ซะอีก เอาเถอะเพื่อตอบแทนพ่อแสงกับแม่จันทร์
"ก็ได้ครับ น้องต้นจะกลับไปที่เมืองไทยกับคุณพ่อ ปีหนึ่ง" ผมตอบคุณพ่อไป ทำให้คุรพ่อยิ้ม และเดินเข้ามากอดผมเอาไว้แน่น
"ขอบใจลูก ขอบใจที่ยอมกลับไปกับพ่อ แม้จะแค่ปีเดียวสำหรับพ่อแค่นี้ก็พอแล้วลูก" เสียงคุณพ่อสั่นเครือ ก่อนจะปล่อยผมจากอ้อมกอดของท่าน
ผมเดินตัวลอยๆออกมาจากโรงงานของคุณพ่อที่กำลังจะก่อสร้าง ในมือถือเช็คเงินสดจำนวน หนึ่งล้านบาทในมือเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
ผมมีเวลาอีกแค่สองวันก็ต้องตามพ่อกลับไปที่เมืองไทยแล้ว ไม่รู้จะบอกเรื่องนี้ กับพ่อแสงและแม่จันทร์ยังไงดี
แต่อย่างน้อยผมก็ได้บ้านได้นากลับมาให้พ่อกับแม่
"แม่ พ่อเกิดอะไรขึ้น" ผมรีบวิ่งเข้าไปหาเพราะที่บ้านเหมือนจะเกิดเรื่อง
"ต้น ลูกแม่"เสียงแม่ร้องออกมาร้องให้แทบขาดใจตาย" ข้างๆแม่มีร่างของพี่ตะวันนอนนิ่งอยู่ตามตัวมีแต่ลอยเลือด เต็มไปหมด
ผมแทบทรุดลงกับพื้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
"พ่อเกิดอะไรขึ้น" ผมถามพ่อที่ยังดูจะมีสติอยู่บ้าง
"ตะวันมันโดนวัยรุ่นบ้านอื่นลุมตีเอาตอนที่ไปตลาดนัดกับไอ้พล" พ่อบอกกับผม
แล้วลูกชายผมละอยู่ไหน ผมมองหาน้องพล แต่ไม่เจอ
"พ่อพลละพลอยู่ไหน" ผมเค้นเสียงพูดออกมาในใจกลัวจนไม่รู้จะกลัวยังไงดี
นิ้วมือของพ่อค่อยๆชี้ไปยังร่างอีกร่างหนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ผมยืนอยุ่เท่าไหร่ ร่างของลูกผมน้องพล
นอนนิ่งอยู่บนนที่นอน ที่ปูเอาไว้ มีผ้าห่มสีขาวห่มคลุมอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น